กรมศุลฯล่าแก๊งยาข้ามชาติ ชี้จับกุมรวม มี.ค.พุ่งกว่า 230 ล.
กรมศุลฯทันเล่ห์แก๊งยาเสพติดข้ามชาติ ไล่บี้จับพัสดุไปรษณีย์ต้องสงสัยได้ยาเสพติดเพียบ แถมขยายผลถึงต้นตอเครือข่ายในไทย ระบุแค่ มี.ค. จับทุกความผิดรวม 2,059 คดี มูลค่า 233 ล้านบาท โดยยาเสพติดนำโด่ง เผยหลังประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ยอดลักลอบน้อยลงจนเห็นชัด
ขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ผ่านการจัดส่งทางพัสดุไปรษณีย์ โดยเฉพาะต้นทางจากกลุ่มประเทศยุโรป ที่มีปลายทางคือประเทศไทย ทั้งเพื่อการจำหน่ายภายในประเทศ และส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านข้างเคียง ยังคงเป็นช่องทางหลักของขบวนการดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม การบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ของกรมศุลกากร เพื่อหาข่าวเชิงลึก และการนำเครื่องเอ็กซ์เรย์ที่ทันสมัยมาช่วยในการป้องกันและปราบปราม ทำให้การจับกุมยาเสพ ชนิด/ประเภทต่างๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา นายชัยยุทธ คำคุณ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร แถลงข่าวประจำเดือน เม.ย. 2563 ผ่าน Facebook live (https://m.facebook.com/customsdepartment.thai/) จากศูนย์แถลงข่าว ชั้น 2 อาคาร 1 กรมศุลกากร โดยเฉพาะประเด็นการจับกุมการกระทำความผิดในเดือน มี.ค. ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นก่อนหน้าจะมีการประกาศ พ.ร.ก.การบริหารประเทศในสถานการฉุกเฉินฯ ที่นายกรัฐมนตรี ประกาศใช้เมื่อวันที่ 26 มี.ค.2563
สรุปตรวจพบการกระทำผิดตามกฎหมายศุลกากรหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับศุลกากรได้ทั้งสิ้น 2,059 คดี มูลค่า 233 ล้านบาท โดยร้อยละ 73.3 ของมูลค่าทั้งหมด เป็นคดีลักลอบ และเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท เอ็กซ์ตาซี่ ที่การลักลอบนำเข้ามากสุด แยกตามช่วงเวลาดังนี้
วันที่ 4 มี.ค. ตรวจพบ พัสดุต้องสงสัย 2 หีบห่อ ต้นทางจากต่างประเทศ พบเม็ด ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (Ecstasy) 19,820 เม็ด หนัก 9.8 กก. ซุกซ่อนอยู่ในกล่องสีน้ำตาลปะปนกับถุงขนมขบเคี้ยว จึงประสานชุดปฏิบัติการ AITF (Airport Interdiction Task Force) ประกอบด้วย กรมศุลกากร สำนักงาน ป.ป.ส. กองบัญชาการตำรวจปราบปราม ยาเสพติด และ ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อขยายผลการจับกุม โดยไปตรวจค้นห้องพักพบยาเสพติด คือ ไอซ์ 5.3 กรัม เคตามีน 1.9 กรัม Ecstasy 2 เม็ด และ Ecstasy ลักษณะเป็นผง 7.8 กรัม พร้อมอุปกรณ์การเสพยาเสพติดเพิ่มเติม รวมมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท
วันที่ 12 มี.ค. พัสดุต้องสงสัย 1 หีบห่อ ต้นทางจากต่างประเทศ พบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (Ecstasy) 720 เม็ด หนัก355 กรัม ซุกซ่อนอยู่ในถุงช็อกโกแลต ของกลางที่ตรวจพบมีมูลค่าประมาณ 3.6 แสนบาท
วันที่ 19 มี.ค. พบพัสดุต้องสงสัย 1 หีบห่อ ต้นทางจากต่างประเทศ พบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (Ecstasy) 30,465 เม็ด หนัก 11 กิโลกรัม ซุกซ่อนปะปนกับถุงขนม มูลค่า 15.2 ล้านบาท
โดยคดีข้างต้น กรมศุลกากรจะบูรณาการร่วมกับชุดปฏิบัติการ AITF เพื่อทำการขยายผลต่อไป
นอกจากนี้ ยังจับกุมเนื้อกระบือแช่แข็ง โดยเมื่อวันที่ 15 มี.ค. ได้ทำการตรวจค้นรถบรรทุกหกล้อ ที่ ต.นิคมคำสร้อย อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร พบเนื้อกระบือแช่แข็งบรรจุกล่องกระดาษ ระบุเมืองกำเนิดต่างประเทศ 340 กระสอบๆ ละ 23 กิโลกรัม รวมน้ำหนัก 7,820 กิโลกรัม แต่ไม่พบเอกสารหลักฐานการผ่านพิธีการศุลกากรโดยถูกต้อง มูลค่า 1.1 ล้านบาท
โดยเป็นความผิดตามมาตรา 242 มาตรา 246 มาตรา 252 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 ประกอบมาตรา 166 และ มาตรา 167 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 จึงได้ทำการยึดสินค้าเนื้อกระบือแช่แข็ง พร้อมยานพาหนะ นำส่งด่านศุลกากรมุกดาหารเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ซึ่งได้ทำลายโดยวิธีการฝังกลบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ณ บริเวณด่านกักกันสัตว์ จังหวัดมุกดาหาร เมื่อวันที่ 16 มี.ค.
โฆษกกรมศุลกากร กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 20 มี.ค. กรมศุลกากรยังได้ตรวจค้นรถบรรทุก บริเวณ ต.คำป่าหลาย อ.เมือง จ.มุกดาหาร พบข้าวสารเหนียวบรรจุกระสอบ ระบุเมืองกำเนิดต่างประเทศ 370 กระสอบๆ ละ 50 กิโลกรัม รวม 18,500 กิโลกรัม โดยไม่พบเอกสารหลักฐานการผ่านพิธีการทางศุลกากรโดยถูกต้อง อันเป็นความผิดตามมาตรา 242 มาตรา 246 มาตรา 252 แห่งพ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 ประกอบมาตรา 166 และมาตรา 167 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 จึงได้ทำการยึดข้าวสารเหนียว พร้อมยานพาหนะที่ นำส่งด่านศุลกากรมุกดาหารเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป รวมมูลค่า 6.6 แสนบาท.