“ซีพี” พร้อมเคียงข้างคนไทยข้ามวิกฤตโควิด
ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ขยายวงกว้างอย่างต่อเนื่องกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทั่วประเทศในหลายมิติ
หนึ่งในปัญหาสำคัญขณะนี้คือประชาชนต่างตื่นตระหนกแห่กักตุนสินค้าอุปโภคและบริโภคตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาจนผู้คนในสังคมหวั่นเกรงว่าจะมีสินค้าสำคัญขาดตลาดและมีราคาสูงขึ้น
ในสถานการณ์นี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์ มีความตระหนักในบทบาทและความรับผิดชอบต่อสังคม โดยเฉพาะในด้านการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอาหาร ขอรับประกันว่าคนไทยจะมีอาหารรับประทานเพียงพอโดยไม่ขาดแคลน และขอย้ำว่าจะไม่มีการขึ้นราคาสินค้าในภาวะวิกฤตโควิด-19 อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ได้กำชับและมีนโยบายชัดเจนว่า “ประเทศเดือดร้อน เราต้องช่วยเหลือ” ถือเป็นบทบาทสำคัญของภาคเอกชนในการสนับสนุนภาครัฐก้าวข้ามผ่านภาวะวิกฤตไวรัสโควิด-19
ประธานอาวุโสเครือซีพี ธนินท์ เจียรวนนท์ ได้มอบนโยบายอย่างเข้มงวดให้จำหน่ายสินค้าทุกอย่างราคาเดิม ห้ามปรับขึ้นราคา เพื่อช่วยเหลือประชาชน พร้อมนำบทเรียนและประสบการณ์ของซีพีในจีน โดยเฉพาะที่เมืองอู่ฮั่น มาเป็นกรณีศึกษา ซึ่งมีหัวใจสำคัญคือความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนต้องผนึกกำลังสร้างความเชื่อมั่นว่าอาหารมีเพียงพอ
ทั้งนี้ ทุกกลุ่มธุรกิจในเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้ผนึกกำลังและบูรณาการกันเพื่อภารกิจเดียวกันคือร่วมแรงร่วมใจช่วยบรรเทาปัญหาให้ประชาชนผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้ อาทิ ซีพีเอฟ จัดโครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัย COVID-19” ส่งมอบอาหารให้บุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลของรัฐที่มีผู้ป่วยโควิด19 ทั่วประเทศ จำนวน 88 แห่ง และกลุ่มผู้เฝ้าระวังตนที่เดินทางกลับจากประเทศเสี่ยงรวม 20,000 คน นอกจากนี้ยังขยายการสนับสนุนอาหารให้ครอบคลุมไปยังครอบครัวของแพทย์และพยาบาลในโรงพยาบาลของรัฐที่ดูแลผู้ป่วยโควิด ภายใต้โครงการ “ซีพีเอฟ ส่งอาหารจากใจให้โรงพยาบาลและครอบครัวหมอ-พยาบาล” คาดว่าจะใช้งบประมาณในการดำเนินงานโครงการทั้งหมดประมาณ 200 ล้านบาท
ขณะที่ซีพี ออลล์ นำเงินจากโครงการ “ลดวันละถุงคุณทำได้” ขับเคลื่อนโครงการ “คนไทยไม่ทิ้งกัน” ส่งมอบเงิน 77 ล้านบาทให้กับ 77 โรงพยาบาลทั่วประเทศ สำหรับจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ พร้อมมอบชุด PPE รวมจำนวน 10,000 ชุด ให้กับโรงพยาบาล 5 แห่ง แห่งละ 2,000 ชุด พร้อมประกาศรับสมัครทีมงานอีก 20,000 อัตราทั่วประเทศเพื่อให้บริการขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในการดำรงชีพจากร้านเซเว่น อีเลฟเว่นถึงมือประชาชนที่บ้านพักอาศัยซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสร้างงานสร้างอาชีพบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ที่ว่างงานด้วย นอกจากนี้ซีพีออลล์ ยังร่วมสมทบทุนโรงทานตามวัดต่าง ๆ ตามพระดำริของสมเด็จพระสังฆราช เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพระสงฆ์-สามเณรที่ไม่สามารถปฏิบัติศาสนกิจ พร้อมทั้งประชาชนที่ได้รับผลกระทบและได้รับความเดือดร้อนในช่วงวิกฤตไวรัสโควิด-19
ขณะที่ ซีพีแรม ที่ได้ดำเนินโครงการ “ซีพีแรม รวมใจเพื่อคนไทย สู้ภัย COVID-19 “ ร่วมส่งมอบอาหารกล่องพร้อมรับประทาน เบเกอรี่ และน้ำดื่ม รวมกว่า 85,000 ชุด ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ครอบคลุมทั่วประเทศ กว่า 40 แห่ง และ ทาง แม็คโคร ได้ร่วมบรรเทาความเดือดร้อนชาวสวนผลไม้ ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และประสบปัญหาการส่งออก ทำให้แนวโน้มราคาตกต่ำ โดยแม็คโครจัดทีมลงพื้นที่รับซื้อผลไม้ตามฤดูกาล พร้อมชวนคนไทยอุดหนุนชาวสวน ปลุกกระแสรณรงค์บริโภคผลไม้ไทยทุกสาขา
ขณะที่ เจียไต๋ ร่วมกับโครงการ “ทุก(ข์)ภัย ไทยช่วยกัน” มอบผัก ผลไม้สด จากเจียไต๋ฟาร์มที่การันตีความปลอดภัยด้วยมาตรฐานคุณภาพ GAP, Codex GMP และ HACCP ไม่ว่าจะเป็นเมล่อนโกลเด้นสวีท เมล่อนมรกต ข้าวโพดหวาน และฟักทองมินิบอล ทั้งในรูปแบบของผลสด และผลไม้ตัดแต่งพร้อมรับประทานรวมกว่า 6,000 กิโลกรัม เพื่อส่งมอบให้กับบุคลากรทางการแพทย์เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติภารกิจเพื่อชาติในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อีกทั้งยังได้สนับสนุนโครงการ “ทุก(ข์)ภัย ไทยช่วยกัน” ในการระดมทุนเพื่อจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น เช่น อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment: PPE) และหน้ากากอนามัย N95 ให้กับ บุคลากรทางการแพทย์ผ่านทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปส ช.)อีกด้วย
ด้านทรู คอร์ปอเรชั่น ได้มอบ “ซิม ฮีโร่ไทย Fight โควิด” จากทรูมูฟ เอช แก่บุคลากรทางการแพทย์ จำนวน 2,000 ซิม ด้วยแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตไม่จำกัดปริมาณใช้งาน ความเร็ว 10 Mbps นาน 90 วัน พร้อมมอบ “ซิมกักตัว ไม่กลัวเหงา” จำนวน 20,000 ซิม แก่ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคเฝ้าระวังที่ต้องกักตัวอยู่บ้าน นอกจากนี้ยังได้พัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ True Virtual World คลาวด์เทคโนโลยี เพื่อร่วมสนับสนุนองค์กรธุรกิจภาคเอกชน สถาบันการศึกษาทั่วประเทศ และคนไทยทุกคน ให้ประชุมออนไลน์แบบกลุ่มได้ฟรี ผ่าน True VROOM สามารถทำงาน เรียน และใช้ชีวิตที่บ้านได้ในช่วงที่โควิด-19 ระบาด โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และได้ร่วมมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและบริษัท Start Up ทดสอบพัฒนาหุ่นยนต์ขนส่งอัจฉริยะควบคุมผ่านเครือข่ายทรู 5G เพื่อช่วยแพทย์และพยาบาลสามารถปฏิบัติงานดูแลรักษาผู้ป่วยได้จากระยะไกล ซึ่งได้นำไปใช้แล้วในหลายโรงพยาบาล รวมทั้งกลุ่มทรูได้พัฒนาแพลตฟอร์ม Tele Clinic ร่วมกับศูนย์ COVID-19 ของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปสามารถพบและขอคำแนะนำจากกับทีมแพทย์ได้โดยไม่ต้องเข้ามาในโรงพยาบาล เพิ่มความปลอดภัยในสถานการณ์ระบาดครั้งนี้ด้วย
สำหรับอีกหนึ่งภารกิจสำคัญเพื่อประเทศและกำลังคืบหน้าอยู่ขณะนี้คือ การที่ประธานอาวุโสซีพีทุ่มงบประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยแจกฟรี โดยมุ่งแก้ปัญหาการขาดแคลนหน้ากากสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนทั่วไป ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายนนี้ โดยตั้งเป้าผลิตหน้ากากอนามัยให้ได้วันละ 1 แสนชิ้น หรือเดือนละ 3 ล้านชิ้น ทั้งนี้ หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายจะมอบโรงงานนี้ให้กับศูนย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ต่อไปอย่างไรก็ตามระหว่างนี้ ประธานอาวุโสซีพีได้สั่งการช่วยเหลือบรรเทาสถานการณ์เบื้องต้นโดยมอบชุดป้องกันการติดเชื้อแบบ Cover all จำนวน 2,000 ชุด และแว่นตานิรภัย เพื่อแพทย์ พยาบาล และบุคลากรโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยใช้ในการป้องกันการตรวจรักษาผู้ป่วยโควิด-19 เป็นการเบื้องต้น
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนที่ทุกกลุ่มธุรกิจในเครือซีพีต่างตระหนักถึงบทบาทและหน้าที่อันสำคัญยิ่งในภาวะที่ประเทศมีวิกฤตเราต้องออกมายืนหยัดแถวหน้าเพื่อช่วยเหลือประเทศและประชาชนไทยให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกันตามปณิธานของประธานอาวุโสที่ว่า “ประเทศเดือดร้อน เราต้องช่วยเหลือ”.
