แบงก์ชาติ ชง ครม. ไฟเขียว 4 มาตรการสู้โควิด-19
ธปท. จ่อเสนอ 4 มาตรการลดผลกระทบโควิด-19 ให้ ครม.พิจารณา 7 เม.ย.นี้ พร้อมออก 2 พ.ร.ก. “ซอฟท์โลนพิเศษช่วยเอสเอ็มอี – อุ้มตลาดตราสารหนี้เอกชน” พ่วงด้วยการขยายเวลาคุ้มครองเงินฝาก และลดเงินนำส่งกองทุนฟื้นฟูฯเหลือ 0.23% ในช่วง 2 ปี หวังบีบแบงก์ลดดอกเบี้ยกู้ให้ประชาชน
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า วันที่ 7 เม.ย.นี้ ธปท.จะเสนอมาตรการต่างๆ ให้คณะรัฐมตรี (ครม.) เห็นชอบในหลักการ เพื่อลดกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วย 4 มาตรการ ประกอบด้วย
1.การออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เพื่อจัดทำโครงการซอฟท์โลนพิเศษโดยตรงให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ด้วยเงินของ ธปท.เอง โดยมีขนาดใหญ่กว่าโครงการสินเชื่อของธนาคารออมสินที่ช่วยเหลือเอสเอ็มอีขนาดเล็ก ซึ่งที่ผ่านมา ธปท.ได้ทำงานร่วมกับธนาคารพาณิชย์ในการนำเสนอมาตรการชุดต่างๆ โดยเน้นไปที่ลูกค้ารายย่อยให้พักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยระยะหนึ่ง ส่วนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ก็เป็นมาตรการอีกชุด แต่การแพร่ระบาดยังมีความไม่แน่นอนและมีแนวโน้มจะขยายมากขึ้น จึงต้องขยายมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ด้วยการพักเงินต้นและดอกเบี้ยให้เอสเอ็มอีที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และมีสินเชื่อที่เป็นสภาพคล่องใหม่ เพื่อช่วยเหลือรายที่ขาดเงินทุนหมุนเวียน และดูแลให้ธุรกิจก้าวข้ามสถานการณ์วิกฤติไปได้
2.การออก พ.ร.ก.เพื่อจัดทำมาตรการสร้างหลังพิงให้กับตลาดตราสารหนี้เอกชน เพื่อให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยศึกษาจากมาตรการของธนาคารกลางหลายประเทศ ทั้งนี้ พ.ร.ก.ดังกล่าวจะให้อำนาจ ธปท.สามารถซื้อตราสารหนี้เอกชนที่ครบกำหนด เพื่อไปชำระตราสารเดิม เฉพาะตราสารของบริษัทที่มีคุณภาพดี โดยจะต้องระดมทุนจากตลาดเอกชนไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง เพื่อทำหน้าที่เติมเต็มให้ตลาดตราสารหนี้เอกชนทำหน้าที่ได้ตามปกติ ซึ่งจะต้องมีเงื่อนไขคัดกรองว่าเป็นบริษัทที่ดี
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และ ธปท. ได้ร่วมกันพิจารณากลไกสำคัญที่จะช่วยดูแลตลาดตราสารหนี้เอกชน ซึ่งมีขนาดใหญ่ถึง 3.5 ล้านล้านบาท เทียบกับสินเชื่อในระบบธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาด 14 ล้านล้านบาท ขณะที่ผู้ถือตราสารหนี้เอกชน ครอบคลุมประชาชนหลากหลายประเภทและองค์กรหลากหลาย เช่น กองทุนรวม สหกรณ์ออมทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กองทุนประกันสังคม กองทุนตราสารหนี้
อีกทั้งภาคธุรกิจจำนวนมาก อาศัยการกู้เงินผ่านตลาดตราสาร ซึ่งได้รับผลกระทบลุกลามมาจากตลาดตราสารหนี้โลกและความไม่แน่นอนเศรษฐกิจ ทำให้ตลาดตราสารเอกชนทำหน้าที่ไม่ปกติเหมือนทั่วไป จึงต้องมีมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วน
3.ธปท.จะมีมาตรการขยายระยะเวลาคุ้มครองเงินฝาก ซึ่งตามกำหนดเดิม คือ สิ้นสุดเดือน ส.ค. 2563 วงเงินคุ้มครองเงินฝากจะลดลงจาก 5 ล้านบาท เหลือ 1 ล้านบาท โดยจะยืดระยะเวลาออกไปอีก 1 ปี เพื่อยังคงให้คุ้มครองเงินฝาก 5 ล้านบาทต่อไปถึงเดือน ส.ค. 2564 เพื่อช่วยลดความกังวลของประชาชน
และ 4.ธปท.จะให้สถาบันการเงิน ลดการนำเงินสมทบกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน จากเดิมอัตรา 0.46% จะลงเหลือ 0.23% ในระยะเวลา 2 ปี เพื่อลดต้นทุนให้กับสถาบันการเงิน โดยหวังว่าจะนำไปสู่การลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้ประชาชนต่อไป.