“ลุงตู่”ดัน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯสู้โควิดฯ จี้ระวังโซเชียลบิดเบือน
รัฐบาลลุงตู่ ใช้อำนาจ “นายกฯ” ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯสู้สถานการณ์โควิดฯแพร่ระบาดหนัก พร้อมผุด “ศอฉ. โควิด” ให้ข่าวคู่ขนาน หวังลดกระแสข่าวบิดเบือน เริ่ม 26 มี.ค.นี้
ในที่สุด! รัฐบาล โดยการใช้อำนาจของ “นายกรัฐมนตรี” ก็ได้ประกาศใช้ พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 โควิด-19 โดยเริ่มประกาศใช้กฎหมายพิเศษนี้ ตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.เป็นต้นไป
ล่าสุด เมื่อเวลา 14.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงข่าวที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงเหตุผลของการประกาศใช้กฎหมายพิเศษ โดยย้ำว่า ตนได้หารือถึงมาตรการที่จำเป็นแล้ว จัดระเบียบและยกระดับศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็น ศูนย์ฉุกเฉิน หรือ “ศอฉ. โควิด” โดยจากนี้ จะมีการจัดประชุมทุกเช้า, ออกข้อกำหนดได้ตลอดทุนวันตามสถานการณ์ ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของประชาชน
โดยระยะที่ 1 คือ ทำอย่างไรให้ลดการแพร่ระบาด อาจจะเป็นขอความร่วมมือ มีบังคับบ้าง เรื่องของการเปิด-ปิด จะเป็นมาตรการที่เข้มข้นขึ้น พร้อมกับขอความร่วมมือประชาชนอย่าเดินทางกลับภูมิลำเนา หากกลับก็จะเจอมาตรการของการคัดกรองที่มีอยู่ในขณะนี้
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนได้ให้ความสำคัญในเรื่องของการกักตัวที่บ้าน ในพื้นที่ อาจมีสถานที่กักตัวของรัฐเพิ่มขึ้น รวมถึงรัฐบาลจะจัดหาโรงพยาบาลสนาม และพื้นที่กักตัวขนาดใหญ่ เพื่อรองรับผู้ป่วย และเวชภัณฑ์ให้มีเพียงพอ ซึ่งขณะนี้ มีหลายประเทศให้ความช่วยเหลือเข้ามาแล้ว แต่ยังไม่พอและรัฐบาลจะดำเนินการจัดซื้อจัดหาเพิ่มเติม
โดยขอประชาชนทุกคนอย่าตื่นตระหนก และรัฐบาลได้กำหนดการให้ข้อมูล ผ่าน 2 ช่องทาง คือ 1.ในสื่อ social ต่างๆ รวมถึงจากศูนย์ปฏิบัติการต่างๆ ทั้งของ กระทรวงสาธารณสุจ กระทรวงคมนาคม กระทรวงการต่างประเทศ มีช่องทางให้โทรสอบถาม และ 2.ศอฉ. ที่จะสรุปประเด็นสำคัญในแต่ละวัน ให้ติดตามรัฐบาลเป็นหลัก ทั้งนี้ เตือนประชาชนระมัดระวังเรื่องการใช้สื่อ และการให้ข้อมูลบิดเบือน
“รัฐบาลขอประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2548 เพื่อนำไปจัดการปัญหาทั้งหมด ในการรับมือกับวิกฤติโควิด-19 โดยจะมีแต่งตั้ง ศอฉ.โควิด-19 ซึ่งจะมีปลัดกระทรวงต่างๆ เข้าเกี่ยวข้องมารับผิดชอบ และกฎหมายทั้งหมดจะมาอยู่ที่นายกรัฐมนตรี” พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำและว่า รัฐบาลจำเป็นต้องหามาตรการหางบประมาณมาเพิ่ม ทั้งกู้เงินให้เกิดสภาพคล่อง ในส่วนธนาคารรัฐจะมาช่วยอำนวยควาสะดวกให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ.