ททท.กางแผนรับมือโควิด-19
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดไปทั่วโลกของเชื้อไวรัส โควิด-19 ทำให้เกิดการระงับและยกเลิกการเดินทางเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศไทยชะลอตัวอย่างต่อเนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวเหล่านี้คิดเป็น ร้อยละ11 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP)
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มีแผนรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน [2] เมื่อต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย ทั้งนี้ Expedia Group ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการท่องเที่ยวระดับโลก ได้ให้ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับททท. มาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสนับสนุนและทำงานร่วมกับที่พักที่เป็นพาร์ทเนอร์ในประเทศในการวางแผนกลยุทธ์เพื่อความสำเร็จในระยะยาว
“เราไม่ทราบว่าสถานการณ์นี้จะดำเนินไปยาวนานแค่ไหน สิ่งที่เราทำได้คือวิเคราะห์รูปแบบการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์วิกฤตในครั้งก่อน ๆ ขยายความหลากหลายทางการตลาด และใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าทางดิจิทัลในการวางรากฐานเพื่อรองรับการฟื้นตัว” นายนิค แอนดรูส์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายบริหารการตลาดของ Expedia Group กล่าว
HVS หน่วยงานด้านการวิจัยของแคนาดา เปิดเผยว่าปริมาณการเดินทางสามารถฟื้นตัวกลับมาได้ค่อนข้างเร็ว ตามข้อมูลที่อ้างอิงจากรูปแบบการเดินทางในช่วงโรคระบาดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ อย่างเช่น โรคซาร์ส ในปี 2546 การฟื้นตัวของการเดินทางในแต่ละภาคธุรกิจนั้นแตกต่างกันออกไปหลังจากที่มีการประกาศยกเลิกข้อยกเว้นต่าง ๆ ทั้งนี้ ความแตกต่างดังกล่าวขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการเดินทางด้วยเช่นกัน
นักเดินทางเพื่อธุรกิจมีแนวโน้มที่จะเป็นคนกลุ่มแรก ๆ ที่กลับมาเดินทางอีกครั้งหลังจากที่มีการยกเลิกการระงับการเดินทาง ในทางกลับกันนักเดินทางเพื่อการท่องเที่ยวและพักผ่อนจะตัดสินใจแบบเฉพาะบุคคลมากกว่า โดยระยะเวลาการฟื้นตัวของกลุ่มนี้จะขึ้นอยู่กับมุมมองและความเชื่อมั่นของนักเดินทางแต่ละราย
ในรายงานอีกฉบับโดย Elsevier ที่เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคซาร์สเปิดเผยว่านักท่องเที่ยวจากฮ่องกงและสหรัฐอเมริกาที่เดินทางไปไต้หวันนั้นฟื้นตัวเกือบทันที ในขณะที่ต้องใช้เวลา 1 ปีเศษ สำหรับการฟื้นตัวด้านจำนวนนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่เดินทางเข้าไต้หวันให้กลับไปอยู่ในระดับที่เทียบเท่ากับช่วงก่อนการเกิดโรคระบาด หลังจากที่ไต้หวันประกาศยกเลิกการเฝ้าระวังโรคซาร์สแล้ว
การมุ่งเน้นการตลาดที่หลากหลายในระยะยาว
ผู้เชี่ยวชาญได้ระบุไว้ว่าการพึ่งพาการตลาดจากแหล่งเดียวมากเกินไปเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญต่อการชะลอตัวเป็นอย่างมากของการท่องเที่ยวในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19ผู้ประกอบการที่พักสามารถมองหาตลาดอื่นเพื่อพัฒนากลยุทธ์ที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อชดเชยการลดลงจากการพึ่งตลาดหรือภูมิภาคเพียงแห่งเดียว
ประเทศไทยคือศูนย์รวมนักเดินทางจากหลากหลายทวีป จากข้อมูลเรื่องความต้องการที่เกิดขึ้นจากแบรนด์การท่องเที่ยวในเครือของ Expedia Group พบว่านักเดินทางจากสหรัฐอเมริกาคือกลุ่มนักเดินทางขาเข้าที่ใหญ่เป็นอันดับแรก ด้วยอัตราการเติบโตร้อยละ 15 ปีต่อปี นอกจากนี้ตลาดอื่น ๆ ที่สร้างรายได้ให้ด้านการท่องเที่ยวแก่ประเทศไทย นอกเหนือจากตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังมีแนวโน้มที่ดี โดยเติบโตขึ้นในอัตราตัวเลขสองหลัก อาทิ เดนมาร์ก (ร้อยละ 18 ปีต่อปี), สวีเดน (ร้อยละ 17 ปีต่อปี), ฝรั่งเศส (+ ร้อยละ 15 ปีต่อปี) และแคนาดา (ร้อยละ 11 ปีต่อปี)
ผู้ประกอบการที่พักในประเทศไทยสามารถใช้การวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าวไปอ้างอิงประกอบการวางแผนกลยุทธ์การสร้างความหลากหลายทางธุรกิจในระยะยาวได้ นอกจากนี้การทำความเข้าใจเกี่ยวกับฤดูกาลและพฤติกรรมของนักเดินทางเหล่านี้ยังสามารถช่วยให้ที่พักนำเสนอสินค้าและบริการได้ตรงกับความต้องการของตลาด
ยกระดับความรู้ด้านดิจิทัล
เพื่อให้เข้ากับแผนนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจ 4.0 ของประเทศไทย ผู้ประกอบการท่องเที่ยวในประเทศสามารถใช้โอกาสนี้ในการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล เพื่อให้พร้อมนำไปใช้เมื่อเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวของตลาด ทั้งนี้พาร์ทเนอร์ของ Expedia Group สามารถเข้าถึงเครื่องมือต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
· ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้เข้าพัก เป็นเครื่องมืออันทรงประสิทธิภาพที่ช่วยให้พาร์ทเนอร์สามารถทำความเข้าใจนักเดินทางจากตลาดที่แตกต่างกันแบบองค์รวมได้ พาร์ทเนอร์สามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจได้ด้วยการใช้ประโยชน์จากข้อมูล เพื่อดูรูปแบบการจองและทราบความต้องการของนักเดินทาง ทั้งเรื่องความต้องการด้านที่พักและข้อเสนอต่าง ๆ นอกจากนี้พาร์ทเนอร์สามารถจัดสรรข้อเสนอโดยใช้เครื่องมือทางการตลาด เพื่อเจาะกลุ่มนักเดินทางอันจะช่วยสร้างรายได้จากห้องพักให้มากขึ้นได้
· ปัจจุบันมีที่พักทั่วโลกจำนวนน้อยกว่าร้อยละ 15 ใช้โซลูชั่นการจัดการรายรับ[7] ในการปลดล็อคโอกาสการเติบโตทางรายรับ Rev+ คือเครื่องมือการจัดการรายรับแบบให้ฟรี และใช้งานง่าย ซึ่งมีให้สำหรับพาร์ทเนอร์ของ Expedia Group ทั้งนี้พาร์ทเนอร์สามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกด้านความต้องการและข้อมูลด้านราคาแบบเรียลไทม์ได้ในที่เดียว จึงช่วยให้พาร์ทเนอร์สามารถตัดสินใจเกี่ยวกับธุรกิจได้อย่างชาญฉลาด และวางแผนกลยุทธ์การเติบโตในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ในช่วงการชะลอตัวของการเดินทาง ผู้ประกอบการที่พักสามารถส่งเสริมและฝึกอบรมพนักงานในหลาย ๆ ด้านที่สำคัญ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล การจัดการรายรับ และการใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยี ทีมงานของเราลงพื้นที่ฝึกอบรมพาร์ทเนอร์อย่างแข็งขัน เพื่อช่วยให้พาร์ทเนอร์ของเราสามารถพัฒนาและยกระดับทักษะดังกล่าว เราเชื่อว่าทักษะเหล่านี้จะสามารถสร้างความแตกต่างและช่วยสร้างให้ที่พักของพาร์ทเนอร์โดดเด่นเหนือคู่แข่งได้ เมื่อการเดินทางกลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง” นายแอนดรูส์ กล่าวเสริม
ในขณะที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวพยายามดำเนินการต่าง ๆ เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากวิกฤตการณ์โควิด-19 สิ่งที่ดีที่สุดที่เราทำได้คือทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบทั้งอีโคซีสเต็ม เพื่อกระตุ้นให้มีการเดินทางต่อไปในโลก