สสว.ดัน SME รุกตลาดใหม่ สู้ ไวรัสโคโรนา
สสว.เดินหน้า ขยายตลาดคู่ค้าใหม่ ทั้งเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริกา ฯลฯ รวมทั้งส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการทั้งเงินทุน ทักษะ ตลาด และช่วยผู้ประสบปัญหา เชื่อช่วยให้สถานการณ์ SME ขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่อง
นางสาววิมลกานต์ โกสุมาศ รองผู้อำนวยการรักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดย่อม (สสว.) เผย สถานการณ์ของ SME ในปี 2563 คาดว่าในช่วงไตรมาสแรก การส่งออกสินค้าบริการหรือการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 19 (Covid-19) และการดำเนินมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของรัฐบาลจีน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยลดลง กระทบต่อการดำเนินธุรกิจของ SME ไทย โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว กลุ่มธุรกิจโรงแรม และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร การขนส่ง ศิลปะนันทนาการ ของขวัญของชำร่วย ฯลฯ
ทั้งนี้จากข้อมูลของ สสว. พบว่า รายได้ของธุรกิจในภาคการท่องเที่ยวทั้งประเทศเกิดจาก SME คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 58 จึงอาจจะส่งผลกระทบต่อประมาณการ GDP ของ SME ในไตรมาสแรกของปี 2563 ขยายตัวต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้เล็กน้อย
อย่างไรก็ดี ผลจากเริ่มมีสัญญาณที่ผ่อนคลายลงของสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา ขณะที่ค่าเงินบาท มีแนวโน้มอ่อนค่าลงจากการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ คณะกรรมการนโยบายทางการเงิน(กนง.) เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เหลือร้อยละ 1 ต่อปี ซึ่งจะส่งผลดีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและผลักดันการส่งออกให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับ สสว. ได้เตรียมดำเนินโครงการเพื่อสนับสนุน SME ในการขยายช่องทางการส่งออกไปยังตลาดใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ เช่น ประเทศในแถบเอเชียใต้ กลุ่มตะวันออกกลาง กลุ่มแอฟริกา และกลุ่มยุโรปตะวันออก
รวมถึงการดำเนินมาตรการสำคัญในการส่งเสริม SME ในปี 2563 อาทิ การสนับสนุน SME รายย่อยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน การพัฒนาความรู้ ทักษะและการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มศักยภาพให้ผู้ประกอบการ ส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพ มาตรฐาน เป็นที่ต้องการของตลาด สนับสนุนช่องทางการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ และช่วยเหลือ SME ที่ประสบปัญหาทางธุรกิจให้สามารถกลับมาดำเนินกิจการต่อได้ โดยเชื่อว่าการดำเนินงานดังกล่าวจะสามารถช่วยให้การส่งออกและสถานการณ์ SME โดยภาพรวมมีทิศทางการขยายตัวที่ยังคงเป็นบวกอยู่
สำหรับตัวเลขการส่งอออกของ SME ในรอบปี 2562 มีมูลค่ารวม 75,477.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 3.6 สินค้าส่งออกสำคัญของ SME ที่ขยายตัวได้ดีในปี 2562 ได้แก่ กลุ่มผลไม้สด โดยเฉพาะทุเรียน มังคุด และผลไม้แปรรูปต่างๆ ขยายตัวถึงร้อยละ 34.4 กลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) ขยายตัวร้อยละ 13.2 กลุ่มเครื่องใช้และอุปกรณ์ไฟฟ้า ขยายตัวร้อยละ 1.1 นอกจากนี้ยังมีสินค้าอื่นๆ ที่ขยายตัว ได้แก่ เฟอร์นิเจอร์ อาหารแปรรูป เครื่องหนัง เป็นต้น.