ส.ธุรกิจรับสร้างชู3นโยบายผลักดันธุรกิจเติบโต
เปิดวิสัยทัศน์นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านคนใหม่ ชู 3 นโยบายหลักผลักดันธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง เน้นสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภค การสร้างการมีส่วนร่วมของสมาชิกพัฒนาสินค้าบริการและบุคคลากร และการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม มั่นใจดึงส่วนแบ่งมูลค่าตลาดรวมได้มากขึ้น คาดปี 2563 โตเพิ่มขึ้น 5%
นายวรวุฒิ กาญจนกูล นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวว่า ตนเองได้เข้ามารับตำแหน่งนายกสมาคม ในวาระปี พ.ศ. 2563 – 2565 พร้อมได้กำหนด 3 นโยบายหลักในการขับเคลื่อนสมาคมฯ ได้แก่ 1. สร้างสมาคมฯให้เป็นที่เชื่อมั่นต่อผู้บริโภค ผ่านกิจกรรมในด้านต่าง ๆ อาทิ การสร้างการรับรู้ให้กับผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาเว็บไซต์ของสมาคมฯ เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงข้อมูลได้อย่างถูกต้อง การจัดงานแสดงสินค้ารับสร้างบ้านพร้อมการประชาสัมพันธ์ไปอย่างทั่วถึง โดยสมาคมฯยังคงมุ่งเน้นกิจกรรมสำหรับเยาวชนเป็นหลักผ่านโครงการ “สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านสร้างอนาคตเพื่อเด็กไทย” ซึ่งในปีนี้จะมีกิจกรรมต่อเนื่องอีกเช่นกัน
2.สร้างการมีส่วนร่วมเพื่อสร้างคุณค่า ให้สมาชิกมีส่วนร่วมในการพัฒนาตลาดรับสร้างบ้านร่วมกัน ทั้งเรื่องแบบบ้าน การก่อสร้าง รวมถึง กลยุทธ์ทางการตลาด และนำเสนอต่อผู้บริโภคผ่านการจัดงานแสดงสินค้าในรูปแบบต่าง ๆ
และ3.การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยในส่วนนี้จะเน้นเรื่องของการสร้างความรู้และพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆเข้าสู่ธุรกิจ การสร้างทักษะให้กับบุคคลากร ผ่านการอบรมสัมมนา การศึกษาดูงานต่างประเทศ รวมถึงการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกัน รวมถึงกับองค์กรภายนอก ทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ทางสมาคมฯ ยังมุ่งเน้นให้สมาชิกคำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม และการให้ความรู้ พร้อมสนับสนุนให้สมาชิกคำนึงถึงการออกแบบบ้านมาตรฐานที่รองรับสังคมผู้สูงอายุอีกด้วย
ทั้งนี้ ในระยะ 3 ปีที่ดำรงตำแหน่งจะมีกลยุทธ์การบริหารงานที่แตกต่างกันออกไป โดย ปีแรก เน้นเสริมสร้างการรับรู้ให้กับสังคม ภาครัฐ หน่วยงานต่างๆ และผู้บริโภค ผ่านกิจกรรมต่างๆ ปีที่ 2 เน้นการพัฒนามาตรฐานงานรับสร้างบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำคู่มือ มาตรฐานรับสร้างบ้าน, การพัฒนาคน หรือพัฒนาบุคลากรของสมาชิก และปีที่ 3 เป็นปีที่วิเคราะห์ผลงานด้านการรับรู้ของผู้บริโภค, การพัฒนาของสมาชิกทั้งจำนวนและคุณภาพ, การวิเคราะห์แนวทางแก้ไขและมอบผลให้กับคณะผู้บริหารรุ่นต่อไป เพื่อพัฒนางานของสมาคมให้สู่ความยั่งยืน
“เป้าหมายของสมาคมฯ นอกจากเรื่องการสร้างความเชื่อมั่นกับผู้บริโภคแล้ว ยังคงต้องการเพิ่มสัดส่วนทางด้านมูลค่าตลาดรวมของธุรกิจรับสร้างบ้านให้เพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกสมาคมฯ มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ราว 25% คิดเป็นมูลค่าตลาดรวม 12,500 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2563 คาดว่าสามารถดึงส่วนแบ่งมูลค่าตลาดรวมได้มากขึ้น 5% เนื่องด้วยปัจจัยหลายด้าน ทั้งการเพิ่มจำนวนสมาชิกรับสร้างบ้านในภูมิภาคและการกระตุ้นการรับรู้ พร้อมกับการสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภคของสมาคมฯ”