ดันกรุงไทยเชื่อมยุทธศาสตร์รัฐ-ประชาชน
“รัฐบาล-คลัง” ดันแบงก์กรุงไทยขึ้นชั้นเป็น “เสาหลัก” เชื่อมโยงข้อมูลคนไทยกว่า 30 ล้านคน พ่วงข้อมูลธุรกิจการค้า และ SMEs ไปกับแผนยุทธศาสตร์และนโยบายรัฐ หนุนประเทศไทยก้าวสู่ยุคดิจิทัลแท้จริง
ธนาคารกรุงไทย ถูกวางตัวเป็น “เสาหลัก” ที่จะนำพาประเทศไทย ก้าวไปสู่ยุคดิจิทัลอย่างเป็นรูปธรรม…
นั่นคือเป้าหมายที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี บอกกับผู้สื่อข่าวภายหลังเดินทางตรวจเยี่ยมและติดตามผลการดำเนินงานของธนาคารกรุงไทย สำนักงานใหญ่ ย่านนานาเหนือ เมื่อช่วงสายวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา
ส่วนหนึ่งคงเพราะธนาคารที่รัฐถือหุ้นใหญ่แห่งนี้ ได้ชื่ออว่าเป็นศูนย์ข้อมูลหน่วยงานภาครัฐที่สำคัญ อีกทั้งการถือข้อมูลของคนไทยกว่า 30 ล้านคน ผ่านโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ, มาตรการ “ชิมช้อปใช้” และระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า
สิ่งเหล่านี้ ก็น่าจะทำให้บทบาทความสำคัญของธนาคารกรุงไทยจากนี้ไป ได้รับการคาดหวังแบะยกระดับให้เป็น “ตัวเชื่อมโยง” ภารกิจอันเกิดจากนโยบายของรัฐ ผ่านโครงการและมาตรการต่างๆ อย่างไม่ต้องสงสัย
โดยเฉพาะมาตรการ “ชิมช้อปใช้” ตั้งแต่เฟส 1 ถึงเฟส 3 และเฟส 4 ที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ ซึ่งธนาคารกรุงไทย ได้เข้าเซ็ทระบบและนำเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้ พร้อมกับสร้างแอปพลิเคชั่นที่ชื่อ “เป๋าตัง” รองรับพฤติกรรมใหม่ของคนไทย ในการใช้จ่ายเงินผ่าน “โมบายแบงก์กิ่ง”
เชื่อมโยงไปยังร้านค้า ผู้ผลิตสินค้า ผู้บริโภค และซัพพลายเชนอื่นๆ ครบทั้งวงจร
ตรงนี้เอง ที่นายสมคิดมองว่า ธนาคารกรุงไทยจะเป็น “เสาหลัก” นำพาประเทศไทย ก้าวไปสู่ยุคดิจิทัลอย่างเป็นรูปธรรม เพราะสามารถตรวจย้อนหลัง กระทั่งสืบรู้ได้ว่า…ใครซื้อและขายอะไร? ขายได้เท่าไหร่? ขายที่ไหน? เมื่อไหร่? อย่างไร? สินค้าใดที่เป็นที่ต้องการมากสุด? สารพัด…
ทำให้สามารถง่ายต่อการวางแผน ทั้งในเชิงยุทธศาสตร์ และเชิงนโยบาย
“ธนาคารกรุงไทยครอบครอง BIG DATA มากที่สุด จำเป็นที่รัฐบาลจะต้องมายืมฐานข้อมูลของที่นี่มาใช้ประกอบการวางแผนทั้งในเชิงยุทธศาสตร์และเชิงนโยบาย พร้อมผลักดันให้เกิดความเชื่อมโยงของภาคส่วนต่างๆ เพื่อลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน รวมพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นได้ ซึ่งตรงนี้ จะสร้างประโยชน์อย่างมากต่อผู้ประกอบการ SMEs” นายสมคิดย้ำ และว่า
ไม่เพียงแค่นั้น เป้าหมายในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของข้าราชการ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ฝากเอาไว้ ก็น่าจะสัมฤทธิ์ผลได้เร็วขึ้น หากได้รับความช่วยเหลือจากธนาคารกรุงไทย
ด้านนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ขยายผลประเด็นการปรับโครงสร้างหนี้สินของข้าราชการ ว่า รัฐบาลต้องการจะช่วยเหลือประชาชนทุกกลุ่ม ก่อนหน้านี้ก็ลงไปช่วยเหลือกลุ่มเศรษฐกิจฐานราก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเกษตรกร หรือกลุ่มผู้มีรายได้น้อย จากนั้น ก็ผู้ช่วยเหลือผู้รายได้น้อยและปานกลางให้มีบ้านอยู่อาศัยเป็นของตนเอง ซึ่ง าตรการนี้ ยังได้ช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย
นอกจากนี้ รัฐบาลโดยกระทรวงการคลังเตรียมออกนโยบายช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs อย่างเป็นระบบ
ทั้งหมดนี้ เชื่อว่าธนาคารกรุงไทยจะเข้ามาช่วยเหลือในการเชื่อมโยง ระหว่างข้อมูลในมิติต่างๆ เข้ากับกลุ่มคน/ธุรกิจ และความต้องการที่แท้จริงได้ เนื่องจากเป็นศูนย์กลางที่รวบรวมข้อมูลของประชาชนมากถึง 47% ของประชากรทั้งประเทศ
มากกว่านั้น คือ ธนาคารกรุงไทยจะเข้ามาสานต่อนโยบายในการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำได้เป็นอย่างดี
แน่นอนว่า งานนี้ “เจ้าของพื้นที่” อย่าง…นายพยง ศรีวนิช กก.ผจก.ใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ย่อมต้องเป็นปลื้มไปกับ “ลูกยอ” จากทั้งรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เพราะท้ายที่สุดแล้ว ศูนย์กลางข้อมูลที่รัฐบาล จะนำไปใช้ในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ และนโยบายใดๆ นั้น จะมาจากธนาคารแห่งนี้เกือบทั้งหมดนั่นเอว.