คลัง“รอจังหวะ”เสริม ธปท.แก้บาทแข็ง
“อุตตม” ย้ำ! ไม่แทรกแซงนโยบายการเงินแก้ปมบาทแข็งสุดๆ เหตุมีเวทีหารือกับแบงก์ชาติอยู่แล้ว เผยหากจำเป็น พร้อมงัดมาตรการคลังมาเสริม เมื่อถึงจังหวะที่เหมาะสม ระบุจากนี้ พร้อมเข้ามาดูแลกลุ่มผู้บริโภค
นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง กล่าวถึงปัญหาเงินบาทที่แข็งค่ามากสุดในช่วงรอยต่อปี 2563 ว่า รัฐบาลและกระทรวงการคลังต่างรู้สึกเป็นห่วงในเรื่องดังกล่าว แต่นโยบายการเงินเป็นอำนาจหน้าที่ และการตัดสินใจของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งรัฐบาลและกระทรวงการคลังคงไม่เข้าไปก้าวก่าย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีเวลาหารือในกลุ่มคณะทำงานว่าด้วยการดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้น กระทรวงการคลังและภาคเอกชน โดยเฉพาะสมาคมธนาคารไทย จึงสามาถนำเสนอปัญหาและข้อเรียกร้องไปยัง ธปท.เพื่อให้พิจารณาประกอบการตัดสินใจได้
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลและกระทรวงการคลังจะไม่ใช้มาตรการทางการคลัง เข้าไปกดดันการทำงานของ ธปท. เพียงจะรอดูในช่วงเวลาและจังหวะที่เหมาะสม หากจำเป็นก็อาจจำเป็นจะต้องใช้มาตรการทางการคลังเข้าไปเสริมการดำเนินงานควบคู่กันไปกับมาตรการทางการเงิน
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตกันว่า หากทางการเข้มงวดต่อการดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมากเกินไป อาจส่งผลกระทบต่ออัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ (จีดีพี) นั้น รมว.คลังย้ำว่า จีดีพีจะต้องเติบโตไปอย่างมีเสถียรภาพ ดังนั้น ทั้งการดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการผลักดันเพื่อให้จีดีพีเติบโต จึงเป็นสอ่งที่จะต้องดำเนินการควบคู่กันไป
“เราต้องมองอย่างเป็นธรรม กรณีเงินบาทแข็งค่า เพราะแม้จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อการส่งออกและการท่องเที่ยว แต่อีกด้านหนึ่ง ก็เป็นประโยชน์ต่อการลงทุนในต่างประเทศ และการสั่งสินค้าทุนและเครื่องจักรเข้ามาในประเทศ” รมว.คลังย้ำและว่า อีกเรื่องที่รัฐบาลและกระทรวงการคลังจะต้องเร่งดำเนินการควบคู่กันไปคือ การดูแลผู้บริโภค ทั้ง นเรื่องของการเพิ่มกำลังซื้อและแก้ไขปัญหาทางด้านสัญญาเงินกู้ ซึ่งจะมีมาตรการออกมาอย่างไรนั้น คงต้องรอให้มีการประกาศแต่งตั้งคณะทำงานทั้ง 2 ชุดอย่างเป็นทางการออกมาก่อน
ส่วนกรณีที่ฝ่ายที่ค้านประกาศ “จองกฐิน” ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น นายอุตตมากล่าวว่า ตนไม่รู้สึกกังวลใจแต่อย่างใด เนื่องจากที่ผ่านมาได้ทำงานบนพื้นฐานข้อมูลและข้อเท็จจริง ซึ่งมีที่มาและที่ไป สามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว.