คลังดึงคนไทย26 ล้านคนเข้าพร้อมเพย์

กรมบัญชีกลาง เดินหน้าพร้อมเพย์ดึงประชาชน 26 ล้านคนที่ลงทะเบียนรับสวัสดิการจากรัฐในปีนี้ 14 ล้านคน และประชาชนที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล เช่น เบี้ยผู้สูงอายุและคนพิการ จำนวน 12 ล้านคน
“ในปีงบประมาณนี้ กรมบัญชีกลางจะบูรณาการข้อมูลของประชาชนที่เข้าร่วมโครงการของรัฐ เพื่อสร้างฐานข้อมูลเพื่อใช้ในการดำเนินนโนบายของรัฐบาลต่อไปในอนาคต” นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าว
ทั้งนี้ กรมบัญชีกลางตั้งเป้าหมายว่า ภายในสิ้นเดือนก.ย.2560 กรมบัญชีกลางจะเป็นหน่วยงานที่บูรณาการข้อมูลของประชาชนมากที่สุดภายในประเทศ เนื่องจากต้องรับผิดชอบข้อมูลการลงทะเบียนเพื่อรับสวัสดิการแห่งรัฐ ที่จะเริ่มลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.จนถึงวันที่ 15 พ.ค.59 ซึ่งประมาณว่า ประชาชนที่มีรายได้น้อยกว่า 100,000 บาทต่อปี ซึ่งมีอยู่ประมาณ 14 ล้านคน จะให้ความสนใจมาลงทะเบียนในรอบนี้อย่างคับคั่ง เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ที่มียอดลงทะเบียนเพียง 8.3 ล้านคน
นอกจากนี้ ในปีงบประมาณนี้ หลังจากกระทรวงการคลังประกาศเริ่มใช้พร้อมเพย์ เมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา กรมบัญชี กลางก็จะประกาศจ่ายเงินให้แก่ประชนชนที่รับเงินช่วยเหลือหรือเงินอุดหนุนจากรัฐ ผ่านระบบพร้อมเพย์ด้วยเช่นกัน ซึ่งจากกรวมรวบของกรมบัญชีกลางพบว่า การให้ความช่วยเหลือในลักษณะดังกล่าวของรัฐบาล มีมากถึง 44 รายการจากทุกส่วนราชการ โดยในจำนวนนี้ แบ่งออกเป็น 1.การให้ความช่วยเหลือที่เป็นตัวเงิน 27 รายการ เช่น เงินช่วยอุดหนุนเพื่อดูแลเด็กแรกเกิดคนละ 600 บาท เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและคนพิการ เป็นต้นจำนวน 12 ล้านคนใช้เงินงบประมาณ 70,000-80,000 ล้านบาท และ2.การให้ความช่วยเหลือจากรัฐที่ไม่เป็นตัวเงินอีก 17 รายการ เช่น การให้ความช่วยเหลือทางอาหาร หรือหนังสือเรียน เป็นต้น ซึ่งกรมบัญชีกลางจะไม่เข้าไปแตะต้อง
“ในปีนี้ กรมบัญชีกลางจะค่อยๆ บูรณาการข้อมูลทั้ง 2 ฝั่งคือ 1.การลงทะเบียนขอรับสวัสดิการจากรัฐจำนวน 14 ล้านคน และ2.การให้ความช่วยเหลือของรัฐบาลผ่านหน่วยงานต่างๆ อีกประมาณ 12 ล้านคน รวมแล้วมีประชาชนซึ่งเป็นฐานข้อมูลที่กรมบัญชีกลางต้องบูรณาการทั้งหมด 26 ล้านคนจึงถือเป็นการรวบรวมข้อมูลของประชาชนที่มีรายละเอียดมากที่สุดในประเทศไทย เพราะข้อมูลดังกล่าว จะระบุถึงรายได้ อาชีพ และการรับความช่วยเหลือจากภาครัฐ ด้านต่างๆ นอกเหนือจากชื่อ นามสกุล และวันเดือนปีเกิด”
นางสาวสุทธิรัตน์ กล่าวว่าปัจจุบันยังไม่มีหน่วยงานใดที่สามารถบูรณาการฐานข้อมูลของประชาชนได้ เพราะไม่มีการลงทะเบียนหรือกรอกข้อมูลอย่างละเอียดเพียงพอ ทำให้รัฐบาลไม่มีข้อมูลที่แท้จริงว่า ประชาชน 1 คน ที่ได้รับสวัสดิการจากรัฐบาลนั้น ได้รับอะไรบ้าง เช่น คนที่ลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยนอกจากจะได้รับส่วนลดค่าน้ำ ค่าไฟฟ้าและส่วนลดรถไฟฟ้าแล้ว ก็ยังอาจจะได้รับสวัสดิการของคนพิการ และเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุอีกด้วย ซึ่งข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ รัฐบาลจะต้องนำมาบูรณาการเพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างถูกฝาถูกตัว
“จำนวนของประชาชนที่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลทั้ง 12 ล้านคนนั้น ในจำนวนนี้ ประมาณ 9 ล้านคน เป็นการจ่าย เงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและคนพิการมากที่สุด โดยในปีนี้กรมบัญชีกลาง จะนำร่องจ่ายเงินผ่านระบบพร้อมเพย์ให้แก่เบี้ยยังชีพและคนพิการ ที่เทศบาลเมืองพัทยาก่อนอันดับแรก และอันดับต่อไปคือจังหวัดกรุงเทพฯ เพราะมีผู้รับเบี้ยสูงอายุจำนวนน้อยที่สุด หลังจากนั้น ก็จะทะยอยจ่ายให้ครบทุกจังหวัดทั่วประเทศ”
นางสาวสุทธิรัตน์ กล่าวว่า ขณะนี้ กรมบัญชีกลางได้เริ่มทดลองโดยนำร่องจ่ายเงินผ่านระบบพร้อมเพย์ให้แก่โครงการเด็กแรกเกิดไปแล้ว ตั้งแต่เดือนก.ย.59 โดยมีการลงทะเบียนขอรับเงินผ่านพร้อมเพย์ไปแล้ว 20,000-30,000 คน จากจำนวนทั้งหมด 70,000-80,000 คน โดยพ่อแม่ของเด็กจะได้รับเงินคนละ 600 บาทต่อเดือน จำนวน 36 เดือนหรือ 3 ปี เช่นเดียว กับประชาชนที่ลงทะเบียนขอรับสวัสดิการแห่งรัฐก็ต้องลงทะเบียนพร้อมเพย์ควบคู่ไปด้วย เพราะในอนาคต กรมบัญชี กลางจะบัตรมีชิฟการ์ดให้แก่ประชาชนที่ลงทะเบียนฯ ซึ่งคาดว่า หลังจากที่ลงทะเบียนไปแล้ว 2-3 เดือน หรือประมาณเดือนก.ค.60 จะสามารถเริ่มแจกบัตรดังกล่าวได้
“ในอนาคตบัตรที่กรมบัญชีกลางแจกจะเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะบัตรดังกล่าว จะไปเชื่อมโยงกับหมายเลขบนบัตรประชาชน 13 หลัก ซึ่งจะเป็นฐานข้อมูลที่สำคัญที่ทำให้รัฐบาลสามารถมองเห็นความต้องการที่แท้จริงของประ ชาชนได้ ทำให้การออกนโยบายของรัฐบาลสามารถตอบสนองความต้องการประชาชนได้ครบทุกด้าน”
นางสาวสุทธิรัตน์ กล่าวว่า ขณะนี้ กรมบัญชีกลางกำลังรณรงค์ให้ประชาชนที่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐทั้ง 12 ล้านคน สมัครพร้อมเพย์ให้มากที่สุด เพราะคนเหล่านี้ ได้รับเงินจากรัฐบาลเป็นประจำทั้งรายเดือนและรายปี ซึ่งจะทำให้การโอนเงินมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น.