คลังยันงบลงทุนปีนี้จ่ายจริง2.4แสนล้าน
“อภิศักดิ์” มั่นใจปีนี้ งบลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจเบิกจ่ายได้จริง 2.4 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่เบิกจ่ายได้จริง 80,000 ล้านบาท
เนื่องจากเป็นปีแรก และยังติดขัดปัญหาหลายเรื่องเช่น อีไอเอ และพีพีพี แต่ปีนี้ ปัญหาต่างๆ จะลดน้อยลง
“ ปีนี้ จะเป็นปีทองของการลงทุน หลังจากปีที่แล้ว เป็นปีแห่งการเริ่มต้นโครงการขนาดใหญ่ ” นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา พร้อมกับระบุว่า
ในปีงบประมาณ 2560 นี้ รัฐบาลได้เตรียมจะดำเนินโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มอีก 36 โครงการ วงเงินรวม 895,000 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้เป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ถึง 28 โครงการ โดยเมื่อรวมกับโครงการลงทุนตามแผน งานเดิมในปีงบประมาณ 2559 อีกจำนวน 20 โครงการ เงินลงทุน 1.4 ล้านล้านบาทแล้ว จะส่งผลให้มีวงเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 2.2 ล้านล้านบาท
“ ผลการเบิกจ่ายงบลงทุนโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ในปีงบประมาณ 2559 จำนวน 20 โครงการ วงเงินรวม 1.4 ล้านล้านบาท พบว่า ในปีนี้ที่แล้ว มีการเบิกจ่ายได้ต่ำกว่าเป้าหมาย โดยเบิกจ่ายได้ 79,000-80,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60% จากเป้าหมายที่ 100,000 ล้านบาท โดยมีสาเหตุมาจากการติดปัญหาอุปสรรคหลายอย่าง เช่น ติดเรื่องของสิ่งแวดล้อม หรือ EIA แต่ในปีนี้ มั่นใจว่า ปัญหาต่างๆ จะลดน้อยลง เพราะปีที่แล้ว ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการขับเคลื่อนการลงทุน โดยกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พยายามแก้ปัญหาเพื่อให้การทำงานสะดวกขึ้น เช่น แก้ไขกฎหมาย ปรับปรุงเรื่องของการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน หรือพีพีพี ทำให้คาดว่าปีนี้ การเบิกจ่ายจะมีมีประสิทธิภาพมากขึ้น ”
นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2560 รัฐบาลตั้งเป้าหมายว่าจะสามารถเบิกจ่ายเม็ดเงินลงทุนตามแผนการลงทุน ได้ 160,000 ล้านบาท และสามารถเบิกจ่ายเงินลงทุนตามแผนการลงทุนใหม่ จำนวน 28 โครงการได้ 80,000 ล้านบาท รวมเป็นเม็ดเงินที่จะไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเป็นเงิน 240,000 ล้านบาท
ส่วนแผนการลงทุนโครงการใหม่ 28 โครงการ เช่น โครงการรถไฟรางคู่ 10 เส้นทาง, โครงการรถไฟชานเมือง 2 เส้นทาง, โครงการรถไฟขนส่งมวลชน 6 เส้นทาง, ทางหลวงพิเศษ และทางพิเศษ 5 เส้นทาง, โครงการที่เป็นการอำนวยความสะดวกการจราจร 5 โครงการ เช่น จุดพักรถ, โครงการรถโดยสารสาธารณะ (รถเมล์ NGV) 1 โครงการ จำนวน 200 คัน, ระบบตั๋วร่วม, โครงการลงทุนทางน้ำ 3 โครงการ และ โครงการลงทุนทางอากาศ 3 โครงการ
ส่วนการลงทุนของภาคเอกชนผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในปี 2560 โดยคาดว่าบีโอไอจะสามารถอนุมัติคำขอรับส่งเสริมการลงทุนได้มากกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากได้มีการปรับแก้ไขกฎหมายต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนแล้ว ซึ่งทำให้การทำงานในการอนุมัติการลงทุนมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ ในปี 2559 มีภาคเอกชนยื่นคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนผ่านบีโอไอสูงกว่าปี 58 ถึง 195 -200% ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีสะท้อนว่าการลงทุนของภาคเอกชนเริ่มฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปกติจะมีเม็ดเงินลงทุนของภาคเอกชนผ่านบีโอไอประมาณ 15% ของเม็ดเงินลงทุนรวมของเอกชนทั้งหมด ดังนั้นการขยายตัวที่สูงมากนี้ทำให้เห็นได้ชัดว่าการลงทุนภาคเอกชนกำลังจะเติบโตได้ดี
นอกจากนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการเติมเงินลงสู่ชุมชนและกองทุนหมู่บ้าน ก็สามารถเบิกจ่ายได้ตามเกณฑ์ เม็ดเงินลงสู่มือประชาชนที่มีรายได้น้อยได้อย่างแท้จริง โดยจากข้อมูลพบว่า 30% ของเม็ดเงินจากมาตรการดังกล่าว ประชาชนได้นำไปจับจ่ายซื้อสินค้าอุปโภคที่จำเป็น เช่น อาหาร, เครื่องนุ่งหุ่ม ส่วนอีก 19% เป็นการนำไปชำระหนี้ และอีก 10% นำไปใช้จ่ายด้านการศึกษาของบุตรหลาน
” ทั้งหมดนี้ เป็นไปได้ดีตามแผนงานเกี่ยวกับนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ดังนั้นมาตรการเหล่านี้ ก็จะมาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตได้เป็นอย่างดี ” รมว.คลัง กล่าวในที่สุด.