กรมศุลฯ คลายกฎคุมนักช้อป
กรมศุลฯ รื้อกฎเกณฑ์ล้าหลังกรณีนำสินค้าติดตัวเข้ามาในประเทศของนักท่องเที่ยวไม่เกิน 20,000 บาท ต่อคนและสินค้าที่ส่งทางไปรษณีย์ไม่เกิน 1,500 บาท ต้องแกะกล่อง พร้อมทุ่ม 600 ล้านบาท ติดตั้งเครื่องเอ็กซเรย์กระเป๋านักท่องเที่ยว
“ ขณะนี้ กรมศุลฯ กำลังพิจารณาขยายเพดานการนำสินค้าติดต่อเข้ามาในประเทศ จากปัจจุบันกฎหมายกำหนดให้บุคคลที่เดินทางเข้าประเทศสามารถซื้อของใช้ถือติดตัวเข้ามาภายในประเทศไม่เกิน 20,000 บาท ซึ่งจะศึกษาให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีงบ ประมาณ 2560 เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและราคาสินค้าในตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ” นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าว และกล่าวว่า
“ การศึกษาผลกระทบของเรื่องดังกล่าว กรมศุลกากรจะต้องมองถึงภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันเพราะตลอดเวลา 20-30 ปีที่ผ่านมากรมศุลกากรไม่เคยปรับมูลค่าของสินค้าที่นำเข้าติดตัวมาจากต่างประเทศเลย ขณะที่ สินค้าที่ส่งทางไปรษณีย์ (เมล์) จากต่างประเทศก็กำหนดว่า ราคาต้องไม่เกิน 1,500 บาท หากเกินกว่านั้น ต้องเปิดตรวจสินค้า ซึ่งประเด็นนี้ ก็เป็นดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ว่า จะตรวจหรือไม่ก็ได้ ”
นายกุลิศ กล่าวว่าที่ผ่านมากฎหมายของกรมศุลกากรใช้การควบคุมสินค้านำเข้าจากต่างประเทศมีหลักการมาจากการป้องกันประเทศเป็นหลักเช่น ปัญหาเรื่องของยาเสพติดการนำเข้าสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์รวมถึงอาวุธสงคราม และอื่นๆ เช่น สินค้าเกษตร และวัตถุดิบอันตราย เป็นต้นดังนั้นกฎกติกาที่ตั้งอย่างเข้มงวดในอดีตจึงมีผลถึงปัจจุบันด้วยซึ่งผลการศึกษาดังกล่าวจะต้องพิจารณาถึงผู้ประกอบการภายในประเทศด้วยหากปรับราคาขึ้นไปสูงมากๆก็จะทำให้ผู้ประกอบการภายในประเทศได้รับผลกระทบไปด้วยเช่น ผู้ผลิตกระเป๋าเครื่องหนังและคอสเมติกส์
นอกจากนี้ ในไตรมาสแรกของปี 2560 กรมศุลกากรจะออกร่างเงื่อนไขประกวดราคาเครื่องเอ็กซเรย์มูลค่าประมาณ 600 ล้านบาท โดยจะนำไปติดตั้งที่สนามบินแห่งชาติ 3 แห่ง คือ สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมืองและสนามบินภูเก็ตเพื่อนำเครื่องเอ็กซเรย์ตรวจสอบกระเป๋าผู้โดยสารทั้งขาเข้าและขาออก ซึ่งถือเป็นมาตรการที่เข้มงวดของกรมศุลกากรเพื่อควบคุมสินค้าที่ผิดกฎหมายลักลอกนำเข้าประเทศไทย
“การติดตั้งเครื่องเอ็กซเรย์กระเป๋าเดินทางของนักท่องเที่ยวไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบการช้อปสินค้าของท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปต่างประเทศแต่ต้องการตรวจสอบสินค้าที่ผิดกฎหมายหรือสินค้าต้องห้ามนำเข้าประเทศไทยเช่น เรื่องยาเสพติด ไซเตส สารเคมีและวัตถุที่มีอันตราย เป็นต้น”
นายกุลิศ กล่าวว่า ปัจจุบันการลักลอบยาเสพติดจากประเทศไทยไปต่างประเทศและยาเสพติดจากต่างประเทศเข้าประเทศไทยมีรูปแบบที่หลากหลายมากทำให้การตรวจสอบหรือการใช้สายข่าวเพื่อดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดทำได้ด้วยความยากลำบากมากขึ้นโดยยอมรับว่า การจับกุมยาเสพติดส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องการใช้สายข่าวหรือมีการแจ้งเบาะแสหากไม่มีการแจ้งเบาะแสล่วงหน้าโอกาสที่จับกุมแก๊งยาเสพติดจะทำได้ยากมาก
ดังนั้นการมีเครื่องเอ็กซเรย์จะทำให้งานของกรมศุลกากรง่ายขึ้นเพราะเจ้าหน้าที่สามารถมองเห็นสิ่งของที่อยู่ในกระเป๋าได้อย่างชัดเจนขณะที่การใช้เครื่องเอ็กซเรย์ของสนามบินนั้นจะเน้นไปที่วัตถุที่อันตรายต่อเครื่องบิน เช่น วัตถุระเบิด เป็นต้น