คปภ.ร่วมถกกติกาใหม่ “ประกันภัยสากล”
เลขาธิการ คปภ. เดินสาย “ถก” กติกาสากลใหม่ ว่าด้วย “มาตรฐานการกำกับ-กฎระเบียบ-แนวปฏิบัติ” ธุรกิจประกันภัย ผ่านเวทีสมาคมผู้กำกับดูแลธุรกิจประกันภัยนานาชาติ ย้ำต้องเข้าไปมีส่วนร่วมและติดตามอย่างใกล้ชิด
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กล่าวภายหลังเข้าร่วมประชุมสมาคมผู้กำกับดูแลธุรกิจประกันภัยนานาชาติ ครั้งที่ 26 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 13-15 พ.ย.62 ณ กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ว่า เป็นไปเพื่อให้ประเทศสมาชิกได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ด้านมาตรฐานการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยที่มีการศึกษาให้มีการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตลอดจนติดตามความคืบหน้าการดำเนินการต่างๆ ของสมาคมฯ โดยมีสาระสำคัญ คือ การให้ความเห็นชอบกรอบการกำกับกลุ่มธุรกิจประกันภัยที่มีบริษัทในเครืออยู่ทั่วโลก (Internationally Active Insurance Groups: IAIGs) การบรรเทาความเสี่ยงต่อระบบที่จะเกิดขึ้นในภาคธุรกิจประกันภัย และกรอบการกำกับกลุ่มธุรกิจประกันภัย แยกเป็น 3 ประเด็นหลักๆ ดังนี้
ประเด็นแรก Common Framework (ComFrame) เป็นมาตรฐานการกำกับประกันภัยกลุ่มบริษัทประกันภัยที่มีบริษัทในเครืออยู่ทั่วโลก หรือ IAIGs ซึ่งจะมีการกำหนดรูปแบบการกำกับให้เหมาะสมกับขนาดและกิจกรรมของแต่ละกลุ่มบริษัทประกันภัย โดยมาตรฐาน ComFrame จะนำไปรวมอยู่ในมาตรฐานการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัย หรือ Insurance Core Principles (ICPs) ด้วย อาทิ คุณสมบัติของกรรมการและบุคลากรในส่วนงานที่สำคัญของบริษัท การบริหารความเสี่ยงและการควบคุมภายใน การตรวจสอบและการจัดส่งรายงาน มาตรการการแทรกแซง การเลิกทำธุรกิจ การลงทุน การบริหารความเสี่ยงแบบองค์รวม การกำกับบริษัทแบบ Group-wide และความร่วมมือระหว่างหน่วยงานกำกับที่ IAIGs ประกอบธุรกิจประกันภัยอยู่ เป็นต้น
ประเด็นที่สอง Insurance Capital Standard (ICS) เป็นมาตรฐานที่จัดทำขึ้นเพื่อให้ผู้กำกับดูแลธุรกิจประกันภัยสามารถหารือร่วมกันในเรื่องการดำรงเงินกองทุนของกลุ่มบริษัทประกันภัย (IAIGs) ในการประชุมได้มีการเห็นชอบต่อ ICS version 2.0 ซึ่งจะกำหนดวิธีการประเมินมูลค่า คุณสมบัติของเงินกองทุนและมาตรฐานการกำหนดเงินกองทุนขั้นต่ำ ในส่วนของการบังคับใช้จะเริ่มดำเนินการในปี 2020 โดยใน 5 ปีแรกจะเป็นช่วงติดตามและจัดเก็บข้อมูลเพื่อนำไปพัฒนาแนวทางการดำรงเงิกองทุนของกลุ่มบริษัทประกันภัยต่อไป
ประเด็นที่สาม Holistic Framework โดย IAIS ได้พัฒนา Holistic Framework for Systemic Risk in the Insurance Sector หรือที่เรียกว่า Holistic Framework มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินความเสี่ยงและระบุต้นเหตุของความเสี่ยงต่อระบบ กรอบการกำกับนี้ประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลักคือ (1) Supervisory material การกำหนดมาตรฐานการกำกับ อาทิ ICPs และ ComFrame เป็นต้น (2) Global monitoring exercise การร่วมมือกับระหว่างหน่วยงานกำกับทั่วโลกเพื่อระบุแนวโน้มตลาดประกันภัยโลกพร้อมทั้งพัฒนาและบ่งชี้ระดับ systemic risk ที่เพิ่มขึ้นทั้งในระดับบริษัทและเขตการปกครอง (3) Implementation assessment การบังคับใช้มาตรฐานการกำกับที่เกี่ยวข้องกับการระบุและลดระดับ systemic risk
ทั้งนี้ การเห็นชอบร่วมกันของประเทศสมาชิก IAIS ต่อการปรับปรุงกรอบการกำกับกลุ่มธุรกิจประกันภัย (IAIGs) ถือเป็นก้าวสำคัญของ IAIS ซึ่งจะมีผลต่อผู้กำกับดูแลธุรกิจประกันภัยในด้านการสนับสนุนการสร้างเสถียรภาพและความยั่งยืนของภาคธุรกิจประกันภัย รวมถึงเป็นการปกป้องสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ถือกรมธรรม์และส่งเสริมการสร้างความมั่นคงให้แก่ภาคการเงินในระดับโลกด้วย
เลขาธิการ คปภ. กล่าวอีกว่า นอกจากได้ร่วมประชุมแลกเปลี่ยนมุมมองการกำกับธุรกิจประกันภัยในเวทีดังกล่าวแล้ว ยังได้มีโอกาสประชุมหารือกับคณะผู้บริหารระดับสูงจาก The Global Federation of Insurance Associations (GFIA) ที่สมาชิกฯประกอบด้วยภาคธุรกิจประกันชีวิตและภาคธุรกิจประกันวินาศภัย โดยได้มีการหารือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในเรื่องการพัฒนาธุรกิจประกันภัยต่อ ให้มีอัตราการเติบโตยิ่งขึ้น และการนำความรู้ของธุรกิจประกันภัยต่อมาพัฒนาเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคธุรกิจประกันภัย
รวมทั้งยังได้เข้าร่วมประชุมหารือกับประเทศสมาชิก Asian Forum of Insurance Regulators (AFIR) ซึ่งเป็นเวทีสำหรับผู้กำกับดูแลธุรกิจประกันภัยภูมิภาคเอเชีย เพื่อพัฒนาและยกระดับความสามารถในการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยของทุกประเทศในเอเชีย ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิก 23 หน่วยงาน และการประชุมครั้งนี้มีสมาชิกเข้าร่วมประชุม อาทิ สาธารณรัฐประชาชนจีน ฮ่องกง อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลี ดูไบ สิงค์โปร์ ไทย เป็นต้น โดยมีคาซัคสถานเข้าร่วมเป็นชาติสมาชิกใหม่ และมีประเด็นที่สำคัญคือการยกระดับบทบาทและความชัดเจนในการดำเนินงานของ AFIR และกำหนดการจัดประชุม AFIR ครั้งที่ 15 ณ เมืองไฮเดอราบัด อินเดีย อีกทั้งสำนักงาน คปภ. ได้รับเกียรติเป็นผู้จัดการประชุม AFIR ครั้งที่ 16 ที่ประเทศไทย ในปี 64 อีกด้วย
นอกจากนี้ยังได้หารือกับคณะผู้บริหารระดับสูงของสมาคมนายทะเบียนประกันภัยแห่งสหรัฐอเมริกา (National Association of Insurance Commissioners) โดยได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และความเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาศักยภาพการกำกับดูแลในประเทศเกิดใหม่ อาทิ การนำเทคโนโลยีมาใช้ร่วมกับการกำกับดูแล การนำเทคโนโลยีมาใช้ร่วมกับการออกผลิตภัณฑ์ประกันภัยใหม่ๆ การพัฒนาความรู้ให้แก่บุคลากรด้านการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัย รวมทั้งหารือเกี่ยวกับหัวข้อด้านประกันภัยที่จะจัดฝึกอบรมให้กับเจ้าหน้าที่ คปภ. และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานกำกับดูแลจากประเทศเพื่อนบ้าน ช่วงกลางปี 63 นี้
อีกทั้งยังได้ร่วมประชุมทวิภาคีกับ H.E. Ebrahim Obaid Al Zaabi, Director General ของหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE Insurance Authority) พร้อมทั้งผู้บริหารระดับสูงของ UAE IA โดยหารือในหลายประเด็น อาทิ การส่งเสริมผลิตภัณฑ์ประกันภัยตะกะฟุล การประกันสุขภาพ การดูแลและปกป้องสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้เอาประกันภัย ในโอกาสนี้ สำนักงาน คปภ. และ UAE IA ได้หารือแนวทางการยกระดับความร่วมมือโดยจะจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MoU) เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลในการกำกับดูแลและการส่งเสริมการให้ความรู้ระหว่างกัน ทั้งนี้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ถือเป็นประเทศที่มีโครงสร้างตลาดประกันภัยด้านตะกะฟุลที่น่าสนใจ และมีการนำเทคโนโลยีมาร่วมใช้ในการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัย ดังนั้นความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นจึงเป็นประโยชน์ อย่างยิ่งต่ออุตสาหกรรมประกันภัยของทั้ง 2 ประเทศ
“การเข้าร่วมประชุมและพบปะหน่วยงานในประเทศต่างๆ กว่า 100 ประเทศในครั้งนี้ นับเป็นการประชุมระดับนานาชาติครั้งใหญ่ที่สุดในรอบปี โดยมีหน่วยงานกำกับธุรกิจประกันภัยทั่วโลก มาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองและแนวทางการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัย ภายใต้ธีม “Supervision in a Digital Era” โดยสำนักงาน คปภ. ได้มีโอกาสประชุมหารือและรับทราบถึงพัฒนาการในการปรับปรุงมาตรฐานสากลในการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยที่กำหนดให้ประเทศสมาชิกยึดถือเป็นหลักการในการปฏิบัติ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากกติกาในบางเรื่องจะเพิ่มความเข้มข้น มากขึ้นและอาจจะกระทบต่อกลุ่มธุรกิจประกันภัยข้ามชาติ เราจึงต้องเข้าไปมีส่วนร่วมและศึกษาให้เกิดความรอบคอบ” เลขาธิการ คปภ.ย้ำ.