SCG ปรับโมเดลธุรกิจตั้งเป้าดัน “เซอร์วิสโซลูชัน” โต 2 เท่า
เอสซีจี เผยกลยุทธ์ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างปี 2020 ยกระดับวงการการก่อสร้างและที่อยู่อาศัย ด้วยสินค้าพร้อมบริการและโซลูชันครบวงจร พร้อมรุกธุรกิจร้านค้าปลีก สร้าง Co-Working Space ศูนย์กลางสำหรับช่างและผู้รับเหมา ภายใต้ชื่อ “CPAC Solution Center”
นายนิธิ ภัทรโชค กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี กล่าวถึงแผนธุรกิจในปี 2020 ว่า เอสซีจีได้พัฒนา Service Solution ครอบคลุมทั้งงานสร้างใหม่ไปจนถึงงานรีโนเวท ภายใต้ 2 โซลูชันหลัก ได้แก่ “Construction Solution” และ “Living Solution” ให้กับกลุ่มช่าง ผู้รับเหมา และเจ้าของบ้าน ขณะเดียวกันได้พัฒนาช่องทางค้าปลีกแบบ Active OMNI-Channel เชื่อมต่อกับร้านค้า เพื่อให้ลูกค้าสามารถปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญ เลือกซื้อสินค้าและบริการจากเอสซีจีได้ทุกที่ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง และยังมีศูนย์ “CPAC Solution Center” ซึ่งเป็น Co-Working Space ศูนย์กลางเทคโนโลยีโซลูชันสำหรับกลุ่มช่างและผู้รับเหมาอีกด้วย
“พฤติกรรมผู้บริโภคหรือเจ้าของโครงการในปัจจุบัน ไม่ได้ต้องการแค่สินค้าคุณภาพเท่านั้น แต่ต้องการงานก่อสร้างที่ได้มาตรฐาน สามารถควบคุมงบประมาณได้ อีกทั้งลูกค้ายังขาดความรู้ด้านงานก่อสร้าง จึงต้องการคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ ตลอดจนต้องการเข้าถึงสินค้าและบริการได้อย่างสะดวก รวดเร็ว จากปัญหาและความต้องการเหล่านี้ ธุรกิจจึงต้องพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้”
ด้าน นายชนะ ภูมี Vice President – Cement and Construction Solution Business ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี กล่าวว่า ปัจจุบันช่าง ผู้รับเหมา และเจ้าของโครงการต้องการเทคโนโลยีที่ช่วยบริหารจัดการให้เกิดความคุ้มค่าด้านต้นทุน เอสซีจีจึงได้คิดค้นพัฒนา Construction Solution ซึ่งถือเป็นโมเดลธุรกิจใหม่ ในรูปแบบ Solution for Life ที่ช่วยยกระดับวงการก่อสร้างทั้งอีโคซิสเท็ม ช่วยให้ช่างและผู้รับเหมาทำงานได้ดีขึ้น แก้ปัญหาต้นทุนสูง งานล่าช้า งานไม่ได้มาตรฐาน หรือที่เรียกว่า Waste ให้น้อยลง เพื่อให้เกิด Wealth เพิ่มขึ้นด้วย เทคโนโลยีการก่อสร้าง และโซลูชัน ที่พัฒนาแบบ Personalize คือ พัฒนาจากปัญหาและความต้องการของช่างแต่ละบุคคล พร้อมทั้งจัดตั้งศูนย์สำหรับคนในวงการก่อสร้างแห่งแรกของประเทศไทย เพื่อเป็นที่แลกเปลี่ยน ให้คำปรึกษา และให้บริการโซลูชันงานก่อสร้าง โดยซีแพค (CPAC) จะเป็นผู้เข้าไปช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านข้อมูล และเชื่อมโยงนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีต่างๆ จากพันธมิตรในวงการก่อสร้าง ในรูปแบบของ Open Innovation เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ.
