จ่ายแล้วประกันฯปลูกข้าวรอยแรกเฉียดแสนล้าน
ธ.ก.ส.นำร่องจ่ายประกันรายได้ชาวนา ปี 62/63 รอบที่ 1 แก่ผู้ปลูกข้าว 5 ชนิด หวังช่วยเหลือด้านรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวกว่า 4.31 ล้านราย กว่า 20,000 ล้านบาท เผยเริ่มโอนรอบแรก 15 ต.ค.นี้ กว่า 3.49 แสนราย วงเงินกว่า 9,400 ล้านบาทข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่
เมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เป็นประธานในงานจ่ายเงินประกันรายได้งวดแรกให้แก่เกษตรกรตาม “โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2562/63 รอบที่ 1” โดยมีนายศรายุทธ ยิ้มยวน รอง ผจก.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และผู้แทนจากส่วนงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน ณ องค์การบริหารส่วนตำบลหลักชัย อ.ลาดบัวหลวง จ.อยุธยา
นายศรายุทธ กล่าวว่า ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 ส.ค.62 และมติคณะกรรมการ ธ.ก.ส. เมื่อวันที่ 25 .ย.62 โดยนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง และประธานคณะกรรมการ ธ.ก.ส.เห็นชอบให้ ธ.ก.ส. ดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 62/63 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวและป้องกันความเสี่ยงด้านราคาไม่ให้ประสบปัญหาขาดทุน ลดภาระค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาราคาข้าว โดยกลไกตลาดยังคงทำงานเป็นปกติ ภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณ 20,940 ล้านบาท จำนวนเกษตรกรที่จะได้รับประโยชน์กว่า 4.31 ล้านราย
โดยประกันรายได้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว 5 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน ตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน และข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน กรณีเกษตรกรปลูกข้าวมากกว่า 1 ชนิด จะได้สิทธิไม่เกินจำนวนสูงสุดของข้าวแต่ละชนิด และเมื่อรวมกันต้องไม่เกินขั้นสูงชนิดข้าวที่กำหนดไว้สูงสุด
ทั้งนี้ ได้มีการกำหนดราคาอ้างอิงและระยะเวลาที่ใช้สิทธิขอชดเชย ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.62 – 28 ก.พ.63 (ยกเว้นภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. – 31 พ.ค.63) ซึ่งคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ประกาศราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงครั้งแรกวันที่ 15 ต.ค.62 เพื่อใช้ในการชดเชยส่วนต่างตามโครงการ ความชื้นความเปลือกแต่ละชนิดไม่เกิน 15% โดยในวันนี้ชดเชยส่วนต่างราคาประกันข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 2,469.64 บาท และข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 783.45 บาท มีเกษตรกรที่มีคุณสมบัติถูกต้องได้รับเงินทั้งสิ้น 349,392 ราย เป็นเงิน 9,413 ล้านบาท จากนั้นจะประชุมเพื่อกำหนดราคาอ้างอิงทุก ๆ 15 วัน จนถึงวันสิ้นสุดโครงการฯ
สำหรับหลักเกณฑ์การจ่ายเงินประกันรายได้ เกษตรกรจะต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 62/63 รอบที่ 1 กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเป็นเกษตรกรที่ปลูกข้าวระหว่างวันที่ 1 เม.ย. – 31 ต.ค.62 (ยกเว้นภาคใต้ระหว่างวันที่ 16 มิ.ย. – 28 ก.พ.63) และต้องแจ้งวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยว เพื่อใช้เป็นข้อมูลช่วงเวลาที่เกษตรกรจะได้รับสิทธิชดเชย โดยกรมส่งเสริมการเกษตรจัดส่งข้อมูลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว จำแนกตามช่วงเวลาที่เก็บเกี่ยวและคำนวณปริมาณผลผลิต
โดยใช้พื้นที่ทั้งหมดที่ขึ้นทะเบียนปลูกข้าวแต่ละชนิดคูณผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่เป็นปริมาณผลผลิตที่ต้องชดเชย แต่ต้องไม่เกินปริมาณที่กำหนดไว้ข้างต้น ส่งให้ ธ.ก.ส. เพื่อเป็นข้อมูลในการจ่ายเงิน จากนั้น ธ.ก.ส. จะดำเนินการจ่ายเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง ภายใน 3 วัน นับจากวันที่ได้รับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงในแต่ละรอบจากคณะอนุกรรมการฯ ซึ่งเกษตรกรสามารถตรวจสอบผลการโอนเงินได้ที่ Link: http://chongkho.inbaac.com.