ชนวนเหตุ”ม.44″ พักงาน“ชายหมู-หมอเปรม”
หัวหน้าคสช.อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว)พ.ศ.2557
ให้ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระงับการปฏิบัติราชการ หรือหน้าที่ในกรุงเทพมหานครเป็นการชั่วคราวโดยยังไม่พ้นจากตําแหน่งจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงคําสั่ง โดยไม่ได้รับค่าตอบแทนในระหว่างนี้
พลันที่เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคสช. ที่ 50/2559 เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 6 โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐบางรายซึ่งเป็นผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ
เล่นเอาช็อกกันไปทั้งเมือง สะเทือนถึงเก้าอี้ “พ่อเมือง” ที่ใกล้จะหมดวาระการดำรงตำแหน่งในเดือน มี.ค.ปีหน้านี้
เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ลงดาบฟันฉับให้หยุดปฏิบัติหน้าที่กลางอากาศ ขณะบินไปราชการที่กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลีใต้ เพื่อร่วมงานฉลองครบรอบ10 ปี ความสัมพันธ์ระหว่างกทม.-กรุงโซล
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการทำงานภายใต้การบริหารของ“คุณชายหมู” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มาเป็นระยะ ทั้งปัญหาการระบายน้ำที่บกพร่อง ในช่วงที่ฝนตกถล่มเมืองกรุงอย่างหนัก ก็ยังพบสภาพน้ำท่วมขังรอการระบาย จนถึงการตรวจสอบพบการทุจริตในหลายโครงการของกทม.
จึงเกิดกระแสโหมโรงบีบ “บิ๊กตู่” ใช้มาตรา 44 โดยเฉพาะปมปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นที่ “คนปชป.”ออกมาสาวไส้ ขุดคุ้ยสารพัดปมนับไม่ถ้วน ตั้งแต่โครงการจัดซื้อกล้องวงจรปิด จนตอนหลังกลายเป็น “กล้องดัมมี่” โครงการจัดซื้อเปียโน 400 หลังให้โรงเรียนในสังกัด กทม.โครงการปรับปรุงห้องทำงานผู้บริหาร กทม. 16.5 ล้านบาท และล่าสุดโครงการไฟประดับลานคนเมือง 39.5 ล้านบาท
ว่ากันว่าชนวนเหตุครั้งนี้มาจาก โครงการประดับตกแต่งไฟเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวบริเวณลานคนเมืองของกรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงปีใหม่ 2559 ซึ่งผลการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ชี้ชัดว่า“ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กับพวกรวม 13 ราย มีพฤติกรรมส่อทุจริตและกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งกทม.ได้ส่งเรื่องไปให้ ป.ป.ช. และกระทรวงมหาดไทย เพื่อสั่งการให้กทม.ดำเนินการทางอาญากับม.ร.ว.สุขุมพันธุ์แล้ว”
ขณะที่ “บิ๊กตู่” ชี้แจงยืนยันว่า “การใช้มาตรา 44ไม่ได้บอกว่าผู้ว่าฯ ผิดหรือไม่ผิด เพียงแต่ให้เข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ หากไม่ผิดสามารถกลับมาทำหน้าที่ได้ และการใช้มาตรา 44 เพราะมีเรื่องทักท้วงจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แต่ตนยังไม่บอกว่ามีการทุจริตหรือไม่”
ดูท่าแล้วจุดจบของวิบากรรมครั้งนี้จะรอดยาก คงต้องลุ้นกันว่า “คุนชายหมู” จะพ้นมลทินได้กลับมาฉลองเก้าอี้ก่อนครบ 2 เทอม 8 เดือนหรือไม่
นอกจากนั้นคำสั่งคสช.แผ่นเดียวกัน ยังพ่วง “หมอเปรม” นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น โดยมาตรา 44 ระงับการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่ในเทศบาลเมืองบ้านไผ่เป็นการชั่วคราว โดยยังไม่พ้นจากตำแหน่ง จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งเช่นเดียวกัน
เป็นอะไรที่ลุ้นกันมานานว่า “บิ๊กตู่”จะยอมงัดมาตรา 44 กำหราบหรือไม่ สุดท้ายก็หนีไม่รอด แม้จะบอกว่า กรณีดังกล่าวเป็นพฤติกรรมส่วนตัว แต่บังเอิญเป็นข่าวที่สังคมให้ความสนใจ
แน่นอนว่า ต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้ เป็นที่โจษจันไปทั่วประเทศ เพราะ “หมอเปรม” สั่งลูกน้องจับนักข่าวอาวุโสชายแก้ผ้าประจาน เรื่องราวดังกล่าวจึงทำให้หลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์ และรุมประณามถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในฐานะเป็นข้าราชการและอดีตนักการเมือง
ทว่าเรื่องร้อนๆเล็ดลอดเข้าไปใน “รั้วทำเนียบรัฐบาล” จน “นายกฯตู่” อดร้นทนไม่ได้ ต้องรีบออกมาชี้แจงทันทีว่า “เรื่องกฎหมายก็ว่ากันไป ทางกระทรวงมหาดไทยสอบกันอยู่ ทุกอย่างอยู่ในกฎหมายและกติกาของกระทรวง ก็ปล่อยให้เขาทำไป มันมีระเบียบวินัยข้าราชการ ระเบียบวินัยท้องถิ่นมีอยู่แล้ว ใครที่รับเรื่องตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ก็ตั้งกรรมการสอบกันไป” นาทีนี้บอกได้คำเดียวว่าคำสั่งคสช.ฉบับนี้ทั้งรัฐบาล คสช. และบิ๊กตู่ ได้แต้มและได้ใจไปไม่น้อย