คลังจ่อฟันร้านค้าฯทำผิดวัตถุประสงค์
ผช.รมต.คลังลงพื้นที่ สุ่มตรวจ “ชิมช้อปใช้” ที่ห้างบิ๊กซี สำโรง ย้ำผู้ประกอบการ ร้านค้าห้ามผูกขาดการใช้ จัดโปรฯลดแลกแจกแถม ดูดเงินพันบาท เหตุรัฐบาลหวังกระจายรายได้สู่ชุมชนเป็นหลัก เตือนกลุ่มลงทะเบียนวันแรกรีบใช้สิทธิ์ เหตุหมดกำหนด 10 ต.ค.นี้ เผยพบร้านธงฟ้า “หัวใส” ใช้ข้อมูลจาก สนง.ใหญ่ที่สมุทรปราการ มารับชำระเงินในเขตกรุงเทพฯแล้ว
นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผช.รมต.ประจำนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง) ลงพื้นที่ จ.สมุทรปราการ เข้าตรวจห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาปู่เจ้าสมิงพราย เมื่อวันที่ 9 ต.ค.62 วัตถุประสงค์เพื่อคุมเข้มผู้ประกอบการร้านค้าที่จัดโปรโมชั่นลดแลกแจกแถม เพื่อดึงดูดประชาชนผู้ได้รับสิทธิ์ 1,000 บาทให้มาจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าเพียงแค่จุดใดจุดหนึ่งเท่านั้น โดยย้ำว่า เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลต้องการให้เม็ดเงินกระจายออกไปสู่ร้านค้ารายย่อยในชุมชนต่างจังหวัดให้ได้มากที่สุด ดังนั้น จึงต้องการรณรงค์ให้ผู้ประกอบการร้านค้าทำความเข้าใจตรงกัน หากพบว่า กระทำการฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ข้อกำหนด ต้องลงโทษด้วยการตัดสิทธิ์การเข้าร่วมมาตรการ พร้อมทั้งขึ้นบัญชีดำไม่ให้มีการเข้าร่วมโครงการต่างๆ ของรัฐในอนาคต
พร้อมกันนี้ ยังย้ำเตือนให้ประชาชนที่ทำการลงทะเบียนมาตรการ “ชิมช้อปใช้” ในวันแรก ( 23 ก.ย.62) และได้รับการยืนยันสิทธิ์รอบแรกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขอให้ไปเปิดใช้เงินในประเป๋าที่ 1 ตามจังหวัดที่แจ้งสิทธิ์ไว้ภายในระยะเวลา 14 วัน เนื่องจากวันพรุ่งนี้ (10 ต.ค.) จะครบกำหนด หากไม่มีการใช้เงินยืนยันสิทธิ์ภายในเวลาที่กำหนด ระบบจะตัดสิทธิ์เข้าร่วมโครงการทันที ส่วนประชาชนที่ได้รับการยืนยันสิทธิ์ในวันถัดมา ให้นับวันหมดเขตการใช้จ่ายตามที่กำหนด 14 วันไล่เรียงกันมาเป็นลำดับ แต่ขอย้ำว่าไม่จำเป็นต้องรีบใช้เงินให้หมดในครั้งเดียว เมื่อใช้สิทธิ์แล้วบางส่วน เท่าไรก็ได้ เพื่อนำเงินส่วนที่เหลือ ออกไปใช้ได้จนถึงวันสิ้นสุดมาตรการ (30 พ.ย.62)
ส่วนเงินในกระเป๋า 2 ต้องการเชิญชวนให้ผู้ที่ได้รับสิทธิ์เติมเงินเข้าไปด้วย เพื่อใช้เงินได้ไปจนถึงวันสิ้นสุดโครงการคือ 30 พ.ย.62 ได้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ยกเว้นภูมิลำเนาตามบัตรประชาชน เพราะจะได้รับเงินคืนสูงสุด 15% หรือไม่เกิน 4,500 บาทต่อราย
สำหรับ “ชิมช้อปใช้ เฟส 2” นั้น กระทรวงการคลังเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในเดือน ต.ค.นี้ เพื่อหวังให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากกว่า 10 ล้านคน อาจเปิดให้ประชาชนเข้ามาลงทะเบียนเพิ่มเติมอีก 5 ล้านคน และยังเปิดโอกาสให้ทั้งกลุ่มใหม่และคนที่ลงทะเบียนไปแล้วในรอบแรก ขณะนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กำลังกำหนดรูปแบบ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาการยืนยันตัวตน การลงทะเบียนช่วงกลางวัน คาดหวังให้ประชาชนช่วยการใช้จ่ายในช่วงเวลา พ.ย.-ธ.ค. 62 เพื่อร่วมกันฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ การพิจารณาผลกระทบต่อภาระงบประมาณ การใช้เงินผ่านแอปพลิเคชัน รูปแบบใด สศค.กำลังศึกษาเพื่อให้ได้ข้อสรุปทั้งหมด
ข้อมูลการใช้จ่าย 12 วันแรก มีผู้ใช้สิทธิ์ 4,535,561 ราย มีการใช้จ่ายรวม 4,296 ล้านบาท เป็นการใช้จ่ายผ่านกระเป๋า 1 ประมาณ 4,254 ล้านบาท โดยเป็นการใช้จ่ายที่ร้าน “ช้อป” จำนวน 2,416 ล้านบาท ส่วนร้าน “ชิม” จำนวน 583 ล้านบาทโดย และ ร้าน “ใช้” จำนวน 55 ล้านบาท และร้านค้าทั่วไป มียอดใช้จ่าย 1,200 ล้านบาท ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า มีการใช้จ่ายในร้านค้าขนาดใหญ่ที่มีหลายสาขาประมาณ 817 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนลดลงต่อเนื่องจากร้อยละ 22 ในช่วงเริ่มต้น เป็นร้อยละ 19 ของยอดใช้จ่ายทั้งหมด
สำหรับการใช้จ่ายผ่านกระเป๋า 2 มีผู้ใช้สิทธิ์แล้ว 15,027 ราย มียอดใช้จ่ายประมาณ 42 ล้านบาทหรือเฉลี่ยรายละ 2,782 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า ภายใน 5 วัน โดยเป็นการใช้จ่ายที่ร้าน “ช้อป” 27 ล้านบาท ส่วนร้าน “ชิม” และร้าน “ใช้” มียอดใช้จ่าย 9 ล้านบาท และ 6 ล้านบาท ตามลำดับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการร้านธงฟ้าบางแห่ง ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ และมีร้านค้าสาขาในพื้นที่กรุงเทพฯ ประกาศรับชำระค่าสินค้าภายในร้านสาขากรุงเทพฯ โดยอาศัยฐานข้อมูลการชำระเงินจากสำนักงานใหญ่ใน จ.สมุทรปราการ ทำให้ลูกค้าสามารถใช้เงินจ่ายเงินจำนวน 1,000 บาทในสาขาที่กรุงเทพฯ แม้จะลงทะเบียนเลือกใช้มาตรการ “ชิมช้อปใช้” ใน จ.สมุทรปราการ ก็ตาม
โดยนายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการ รมว.คลัง กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เรื่องดังไม่น่าจะทำได้จริง เนื่องจากการซื้อขายและชำระเงินค่าสินค้าและบริการ จะมีการระบุที่ตั้งและแชร์โลเคชั่นร้านค้าในมาตรการ “ชิมช้อปใช้” ที่มีการใช้จ่ายเงินอยู่แล้ว.