ซาอุฯ ให้ชายหญิงต่างชาติอยู่ร่วมห้องในร.ร.ได้
ริยาดห์ (รอยเตอร์) – ซาอุดิอาระเบียอนุญาตให้ชาวต่างชาติชาย-หญิงอยู่ร่วมห้องพักในโรงแรมได้โดยไม่ต้องพิสูจน์ว่ามีความสัมพันธ์หรือเกี่ยวข้องกัน หลังจากชาติมุสลิมอนุรักษ์นิยมแห่งนี้ได้ออกโครงการวีซ่านักท่องเที่ยวเพื่อดึงดูดนักเดินทางทั่วโลก
โดยผู้หญิง ซึ่งรวมทั้งชาวซาอุฯเอง ก็ได้รับอนุญาตให้สามารถเช่าห้องพักในโรงแรมด้วยตัวเอง เพื่อเป็นการยกเลิกกฎระเบียบที่เข้มงวดก่อนหน้านี้
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นการปูทางให้ผู้หญิงซึ่งไม่มีเพื่อนร่วมเดินทางสามารถเดินทางด้วยตัวเองได้ง่ายขึ้น และสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังไม่แต่งงานสามารถพักในห้องพักของโรงแรมในประเทศซาอุฯ ซึ่งยังมีข้อห้ามการมีเพศสัมพันธ์ที่นอกเหนือจากคู่แต่งงานของตนด้วย
คณะกรรมการซาอุฯเพื่อการท่องเที่ยวและมรดกแห่งชาติยืนยันรายงานข่าวนี้เมื่อวันที่ 4 ต.ต.โดยหนังสือพิมพ์ภาษาอาหรับ Okaz โดยเสริมว่า “ ผู้ที่มีสัญชาติซาอุฯ ทุกคนต้องแสดงบัตรประจำตัวของครอบครัว หรือหลักฐานความสัมพันธ์ในการเช็คอินเข้าห้องโรงแรม ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ต้อง โดยผู้หญิงทุกคน รวมทั้งชาวซาอุฯ สามารถจองห้องพักและพักอยู่ในห้องคนเดียวได้ โดยแสดงบัตรประจำตัวตอนเช็คอิน”
ในสัปดาห์ที่แล้ว ซาอุฯเปิดกว้างต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจาก 49 ประเทศเนื่องจากประเทศพยายามจะหนุนให้ภาคส่วนนี้เติบโต และช่วยให้ประเทศมีรายได้จากภาคส่วนอื่น นอกเหนือจากธุรกิจส่งออกน้ำมัน โดยส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหวนี้ ซาอุฯอนุญาตให้นักเดินทางที่มาเยือนไม่ต้องสวมชุดดำที่ปกคลุมหมด แต่ควรแต่งกายสุภาพและยังคงห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ซาอุฯเป็นประเทศที่ปิดกั้นความสัมพันธ์ใกล้ชิดมานานหลายทศวรรษ และจนถึงตอนนี้ ชายหญิงที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน รวมทั้งชาวต่างชาติ อาจถูกลงโทษอย่างรุนแรงหากอยู่ด้วยกันในที่สาธารณะ และก่อนหน้านี้ยังมีการห้ามสิ่งบันเทิง อย่างไรก็ตาม จารีตสังคมที่เข้มงวดมีการผ่อนคลายลงในช่วงไม่กี่ปีมานี้
ซาอุฯยกเลิกกฎหมายห้ามผู้หญิงขับรถยนต์ในปีที่แล้ว และในเดือนส.ค. หญิงซาอุฯที่ได้รับอนุญาต มีสิทธิ์ในการเดินทางไปต่างประเทศ นับเป็นการยกเลิกระบบการคุ้มครองที่กำหนดให้ผู้หญิงแต่ละคนต้องมีชายที่เป็นญาติอนุมัติและยอมรับในการตัดสินใจครั้ง สำคัญในชีวิตของพวกเธอ
การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการปฏิรูปเศรษฐกิจและสังคมขององค์มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมัน โดยแผนของพระองค์ได้รับการชื่นชมยกย่อง
จากนานาชาติ แต่ภาพลักษณ์ของพระองค์ต้องมัวหมองลงจากข่าวการพัวพันการสังหารคอลัมนิสต์ จามาล คาชอกกี , การปราบปรามฝ่ายผู้เห็นต่าง และสงครามทำลายล้างในเยเมน
จนถึงตอนนี้ ยังมีความเข้มงวดกับชาวต่างชาติที่เดินทางไปซาอุฯ ทั้งแรงงานที่ทำงานในบ้านและผู้อยู่ในอุปการะ นักเดินทางเพื่อธุรกิจ และนักแสวงบุญชาวมุสลิมที่ได้รับวีซ่าพิเศษให้ไปเยือนนครเมกกะและเมดินาอันศักดิ์สิทธิ์