ธนารักษ์ผุดบ้านเช่าอีก 4 แปลง
ธนารักษ์ เพิ่มที่ราชพัสดุเข้าร่วมโครงการธนารักษ์ประชารัฐอีก 4 แปลง หลังครม.อนุมัติโครงการแรกจำนวน 6 แปลงได้รับการตอบรับจากประชาชนและข้าราชการที่มีรายได้น้อยทะลัก
“ธนารักษ์จะเพิ่มบ้านประชารัฐบนที่ราชพัสดุอีก 4 แปลง เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนและข้าราชการที่มีรายได้น้อย” นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวและกล่าวว่า
สำหรับที่ราชพัสดุทั้ง 4 แปลงนั้น ประกอบด้วย 1.ราชพัสดุแขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา เนื้อที่ 2 ไร่ 2.ที่ราชพัสดุตำบลบึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เนื้อที่ 7 ไร่ 3.ที่ราชพัสดุตำบลบางแก้ว อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เนื้อที่ 44 ไร่ และ 4.ที่ราชพัสดุตำบลหัวเตย อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี เนื้อที่ 3 ไร่
ทั้งนี้ โครงการบ้านประรัฐธนานรักษ์ ที่ผ่านมาการพิจารณาจาก ครม.อนุมัติให้กรมธนารักษ์ นำที่ราชพัสดุจำนวน 6 แปลงเพื่อพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับข้าราชการชั้นผู้น้อยและประชาชนทั่วไป โดยที่ราชพัสดุทั้ง 6 แปลงประกอบด้วย 1. ที่ดินบนถนนพหโยธิน ตรงข้ามวันไผ่ตัน กรุงเทพฯ 2. ที่ดินโรงกษาปณ์เก่า บริเวณถนนประดิพัทธ์ กรุงเทพฯ 3. ถนนช้างคลาน จังหวัดเชียงใหม่ 4. อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี จำนวน 2 แปลง และ5.จังหวัดเชียงรายอีก 1 แปลง
เมื่อวันที่ 11-12 มิ.ย.ที่ผ่านมากรมธนารักษ์ได้พาผู้สื่อข่าวประมาณ 50 คน ลงพื้นที่สำรวจโครงการบ้านประชารัฐธนารักษ์ที่ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งมีทั้งหมด 2 แปลง ขนาด 22 ไร่ 1 แปลง และอีก 29 ไร่ จำนวนหนึ่งแปลง
โดยผู้ประกอบการไม่น้อยกว่า 6 รายให้ความสนใจที่ลงทุนในโครงการนี้โดยเฉพาะที่ราชพัสดุที่อยู่หลังศาลปกครอง จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งคาดว่า ทำเลดังกล่าว มีความเหมาะสมที่จะสร้างคอนโนมิเนียมความสูงประมาณ 20 ชั้น สร้างได้ประมาณ 1,000 ยูนิต เพราะสามารถมองเห็นทะเลชะอำได้อย่างสวยงาม
โดยคาดว่า คอนโดนิเนียมบนที่ดินแปลงนี้ คาดว่า จะมีราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ภายใต้สัญญาเช่า 30 ปีและต่อได้อีก 30 ปี ส่วนสาเหตุที่ราคาไม่แพงนัก เพราะเป็นสัญญาเช่าบนที่ราชพัสดุจึงไม่มีค่าที่ดิน “ที่ราชพัสดุจำนวนทั้งหมด 6 แปลงนั้น ล่าสุดมีผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ 16 รายที่มาซื้อซองประมูลจากกรม”
โดยผู้ประกอบการที่สนใจต้องยื่นซองเสนอโครงการภายในวันที่ 30 มิ.ย.59 และคณะกรรมการกำหนดแนวทางการดำเนินโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐจะเร่ง คัดเลือกผู้ประกอบการที่เสนอเงื่อนไขตามหลักเกณฑ์ได้ภายในเดือนก.ค.นี้ เพื่อเร่งดำเนินการก่อสร้างทันที โดยคาดว่าจะ ใช้เวลาก่อสร้างราว 18 เดือน ซึ่งจะแล้วเสร็จและสามารถเข้าอยู่ได้ภายในปี 2560
นายอธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า “พื้นที่เขตเมืองทั้งหมด จะทำเป็นคอนโดมิเนียม เช่น กรุงเทพฯ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชร บุรีและถนนช้างคลาน จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนพื้นที่ห่างไกลออกไปจะทำให้เป็นบ้านแถว โดยลักษณะของสัญญามีทั้งหมด 3 รูปแบบคือ 1. บ้านเช่าแบบจ่ายรายเดือน หรือรายปี 2. บ้านเช่าระยะยาว 30 ปี (เซ้ง) บนที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์ และ 3. บ้านที่ซื้อขาดจากภาค เอกชน”.