ธอส.กุมขมับบ้านประชารัฐอืด
ธอส.เปิดโครงการโรงเรียนการเงิน อบรมและความรู้ประชาชนที่มีรายได้น้อย ให้สามารถเริ่มต้นการมีบ้านเป็นของตนเองได้อย่างง่ายดาย หลังจากพบว่ามีประชาชนเพียงน้อยนิดที่ผ่านหลักเกณฑ์ในการเข้าร่วมโครงการบ้านประชารัฐ
“ถือเป็นครั้งแรกของ ธอส.จะมีการอบรมและให้ความรู้แก่ประชาชนที่ต้องมีบ้านเป็นของตนเอง ตั้งแต่เนินๆ ด้วยการตั้งโรงเรียนการเงินในสาขาทุกแห่งประเทศหลังจากที่เราพบว่า ยอดขอกู้บ้านในโครงการบ้านประชารัฐมีประชาชนจำนวนมากที่ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาจากจากธนาคาร” นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวและกล่าวว่า
ในตอนแรกเราคิดว่า ยอดการปล่อยสินเชื่อในโครงการนี้ น่าจะเต็มวงเงิน 20,000 ล้านบาทอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่เปิดตัวโครงการเมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมาเพราะใช้ระยะเวลาเพียง 1 เดือน ยอดยื่นเรื่องของกู้ก็ทะลุ 20,000 ล้านบาท แต่จนถึงขณะนี้ ระยะเวลาผ่านพ้นไปแล้ว 3 เดือน ยอดสินเชื่อขยับไปได้น้อยมากและไม่หวือหวาอย่างที่คิด โดยประเมินว่า ภายในเดือนพ.ย.นี้ ธอส. จะอนุมัติเงินกู้ โครงการบ้านประชารัฐได้เพียง 10,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 10,000 ล้านบาทจะปล่อยกู้ได้ทั้งหมดในปีหน้า
ทั้งนี้ โครงการบ้านประชารัฐ เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐกับภาคเอกชน โดยมีธนาคารเฉพาะกิจ 2 แห่งให้การสนับสนุนประกอบด้วย ธอส.และ ธนาคารออมสิน โดยในปีแรกจะคิดจะฟรีดอกเบี้ย หรือดอกเบี้ย 0% ภายใต้เงื่อนไขต้องเป็นบ้านหลังแรก ราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท โดยเจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เข้าร่วมโครงการ ต้องไม่เก็บค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง นอกจากนี้ ต้องไม่เก็บค่าส่วนกลางเป็นระยะเวลา 1 ปี
สำหรับ ธอส.ตั้งแต่เปิดตัวโครงการเมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุดมีประชาชนยื่นเอกสารและแสดงความจำนงเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 24,000 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนอนุมัติสินเชื่อไปแล้ว 3,000 ล้าน
กรรมการผู้จัดการ ธอส. กล่าวว่า สาเหตุหลักของประชาชนกลุ่มที่มีรายได้น้อยไม่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อ เพราะ 1.ไม่มีความรู้ หรือไม่มีประสบการณ์ทางด้านการเงินเลย 2.เอกสารไม่ครบถ้วนหรือไม่มีเลย และ 3.ไม่เคยรู้ว่าตนเองมีรายได้ต่อเดือนเท่าไหร่แม้กระทั่งสมุดบัญชีเงินฝากกับธนาคารก็ยังไม่มี
ดังนั้น โรงเรียนการเงินจะเป็นเน้นไปที่การสร้างความเข้าใจ เรียนรู้และประสบการณ์เพื่อให้คนที่รายได้น้อยค่อยๆ สะสมประสบการณ์ชีวิต เพื่อเปิดโอกาสตัวเองให้มีบ้านได้ โดย ธอส.จะมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้ความรู้และคำปรึกษาในการขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สำหรับผู้ที่ยังไม่มีความพร้อมในการขอสินเชื่อ โดยจะแนะนำการเตรียมเอกสารต่างๆ เพื่อสร้างความพร้อมสู่การเป็นเจ้าของบ้านในอนาคตนั่งประจำทุกสาขาทั่วประเทศ ซึ่งบางรายอาจจะต้องใช้ระยะเวลาเป็นปี แต่ ธอส.ก็พร้อมที่จะใช้ความรู้และเตรียมความพร้อมสำหรับการมีบ้านในอนาคต
ส่วนมาตรการกระตุ้นอสังหริมทรัพย์ของรัฐบาล ที่เพิ่งสุดสุดไปเมื่อวันที่ 28 เม.ย.59 ส่งให้สินเชื่อของ ธอส.ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 14,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน โดยเฉพาะคืนในวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา พนักงานของ ธอส.อำนวยสินเชื่อให้กับลูกค้าจน ถึงเวลา 02.00 น. ขณะที่สำนักงานที่ดินก็เปิดให้บริการถึงเวลา 04.00 น. ทำให้ยอดการอนุมัติสินเชื่อในช่วงเดือนมี.ค.59 เพิ่มขึ้นถึง 15,654 ล้านบาท และเดือนเม.ย.มียอดถึง18,361 ล้านบาท มากกว่าเดือนมี.ค.58 ที่ได้ปล่อยสินเชื่อได้ 12,970 ล้านบาท และเดือนเม.ย.58 ปล่อยสินเชื่อได้ 11,204 ล้านบาท
“ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ธอส.ปล่อยสินเชื่อได้ถึง 56,000 ล้านบาท ขณะที่ในช่วงเดียวของปีก่อนปล่อยสินเชื่อได้ 42,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 14,000 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่า มาตาการกระตุ้นอสังหาริมทรัยพ์ของรัฐบาลมีผลต่อการตัดสินใจซื้อบ้านของประชาชนอย่างมาก” นายฉัตรชัย กล่าวในที่สุด.