“หมูไม่กลัวน้ำร้อน!” กับปม ไฟ 39 ล.พ่นพิษ
ข่าวการเมืองนาทีนี้ไม่มีอะไรดุเดือดเท่าการตรวจสอบโครงการประดับไฟของกรุงเทพมหานครในช่วงปีใหม่ที่ผ่าน ที่ใช้งบประมาณ 39.5 ล้านบาท จนสังคมตั้งคำถามถึงความคุ้มค่าในการใช้งบมหาศาลตั้งแต่ที่ไฟยังไม่ได้นำมาติดตั้ง
จนในที่สุดหน่วยงานอิสระอย่าง สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ที่ร่วมวงตรวจสอบมาตั้งแต่ต้น ได้มีมติส่งสำนวนให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เอาผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ หรือ กฎหมายป้องกันการฮั้วประมูล โดยมีการชี้ไปยังผู้บริหารระดับสูงของ กทม.มีส่วนเกี่ยวข้องนั้น
ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะงานนี้หลายฝ่าย โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ต้นสังกัดของม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.ที่เจาะ-เกาะ-ติดคุณชายหมูเสมือนเป็นฝ่ายค้านที่กำลังอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
ใครเป็น ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ย่อมลมออกหูเป็นธรรมดา แต่อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้สายสัมพันธ์ของ คุณชายหมู กับ พรรคปะชาธิปัตย์ นั้นไม่ดีเลย และเมื่อมาโดน สตง.เปิดเผยเรื่องร้อนๆแบบนี้ คณะผู้บริหารกทม.จึงเป็นเสมือนจำเลยสังคมกลายๆ เพราะบริษัทที่รับผิดชอบงานนี้ คล้ายว่ามีเบื้องหลังที่ไม่ค่อยเคลียร์เท่าใดนักและยังมีกระแสซุบซิบว่า มีความสัมพันธ์ที่ใครต่อใครรู้ดีว่า แนบแน่นกับคีย์แมน”เสาชิงช้า”เพียงใด
ล่าสุดผู้ว่าฯ กทม.ออกมาแถลงข่าวชี้แจงอย่างดุเดือดในเรื่องนี้ โดยย้ำความโปร่งใสในการทำงานตลอด 2 วาระการทำงานเป็นพ่อเมืองหลวง และนโยบายสร้างมหานครแห่งความสุขและโอกาส เป็นนโยบายที่ถูกต้อง รวมทั้งกระจายรายได้ไปยังทุกภาคส่วน
“จึงขอยืนยันว่าเป็นนโยบายที่ถูกต้องและถ้าสตง.มีปัญหาเรื่องนี้ก็ต้องแนะนำตั้งแต่ต้นแต่ที่ผ่านมากับไม่มีการแนะนำอะไรเลยผมได้พูดมาตั้งแต่ต้นว่ากทม.ได้ให้ข้อมูลกับสตง.ตั้งแต่โครงการนี้ยังไม่จบ ส่วนที่ไม่ได้ไปชี้แจงกับสตง. เพราะได้มอบหมายให้รองผู้ว่ากทม.ไปชี้แจงตามอำนาจในมาตรา 55 ตามพ.ร.บ.บริหารราชการกรุงเทพมหานครปี 2558 ผมจึงไม่ได้หนีไปไหนเพราะเป็นเรื่องปกติที่สามารถมอบหมายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในโครงการนี้ตั้งแต่รองผู้ว่าฯกทม.และข้าราชการอาวุโสไปชี้แจงได้ อย่างไรก็ตามหลังจากนี้กทม.พร้อมให้ความร่วมมือทั้งในเรื่องเอกสารและข้อมูล แต่ผมไม่ต้องการอะไรมากเพียงแต่ขอให้หน่วยงานที่ตรวจสอบอ่านเอกสารให้ครบเท่านั้นแต่ที่สรุปมานานแล้วว่ากทม.ผิด เป็นเรื่องที่ผมประหลาดใจมากทั้งที่งานยังไม่เรียบร้อยก็ไม่ทราบว่าเป็นวิธีปฏิบัติที่ใช้กับกทม.หรือไม่หรือถ้าเป็นวิธีปฏิบัติแบบนี้สตง.ก็ต้องไปใช้กับหน่วยงานอื่นด้วย”
ส่วนแรงบีบจากพรรคต้นสังกัดคือประชาธิปัตย์ที่เกาะติดเรื่องนี้และร่วมแถลงความไม่ชอบมาพากลมาด้วยนั้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า “ผมเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ผ่านมาไม่มีการประชุมพรรค จึงเชื่อว่าไม่ใช่มติของพรรค”
เมื่อนักข่าวถามว่า พรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนการใช้รัฐธรรมนูญ มาตรา 44 เพื่อปลดผู้ว่าฯกทม. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ตอบว่า “ผมไม่นึกว่า ประชาธิปัตย์ชอบมาตรา 44 แต่อยากบอกว่า แต่ครั้งนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการตรวจสอบ”
เมื่อถามว่า หาก ป.ป.ช.มีการชี้มูลความผิดจริง จะลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.หรือไม่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า “ขอให้ถึงเวลานั้นก่อน”
ตรงนี้มันชัดว่า อาการหมูไม่กลัวน้ำร้อนของคีย์แมนเมืองหลวงนั้น หากไม่แน่จริงคงไม่ตอบแบบนี้กับผู้สื่อข่าว
และยังมีข่าวแว่วมาไกลๆว่า เหตุที่คีย์แมนเสาชิงช้าออกมาพูดแบบนี้ เพราะมาจากเครือข่ายที่ประสานกับขุนพลท็อปบูทไว้แล้ว
แต่เรื่องนี้จะจบแบบใดนั้นต้องรอดูกันในวินาทีสุดท้ายว่า น้ำร้อนกับหมู ใครจะอยู่และใครจะไป แล้วจะจบอย่างไร