“เชือดไก่ให้ลิงดู” ด้วยการเพิ่มดีกรี “ยาแรง”
น่าจะเป็นยาแรงที่ทวีดีกรีขึ้นเรื่อยๆ แล้วสำหรับกลุ่มที่ออกมาต่อต้านคสช. -รัฐบาลวิจารณ์ร่ารัฐธรรมนูญที่เตรียมลงประชามติในวันที่ 7 สิงหาคมที่จะเป็นบันไดขั้นต่อไปสู่ “การเลือกตั้ง”
เพราะมีการงัดกฎหมายต่างๆ อาทิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112,116 หรือ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์เอามาใช้จัดการกับกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงนี้ โดย 10 คนแรกที่ถูกมองว่า “เชือดไก่ให้ลิงดู” ถูกควบคุมตัวไปเมื่อไม่กี่วันมานี้ น่าจะโดนจัดหนัก+จัดเต็มหลังจากผ่อนปรนมาหลายครั้ง แต่คล้ายว่าไม่มีใครหลาบจำ
ฉะนั้นจากนี้ไป กฎหมายต่างๆจะโดนบังคับใช้แบบเข้มข้นเคร่งครัด-ฉับพลัน–ทันที โดยเฉพาะขั้วที่ออกมาท้าทายอำนาจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์ที่ปรับปรุงเนื้อหาบางส่วนที่อยู่เดิมใน พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ที่กำลังอยู่ในวาระการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)นั้นมีการปรับถ้อยคำของตัวบทกฎหมายรวมทั้งบทลงโทษที่มีความรุนแรงขึ้นเท่ากับเป็นการติดดาบปลายปืนพร้อมใบอนุญาตในการจัดการฝ่ายยั่วยุหรือกระทำการสุ่มเสี่ยงที่จะผิดกฎหมายผ่านโลกออนไลน์
เพราะภัยจากโลกไซเบอร์นั้น แผ่ไปทั่วทุกมุมโลกการที่มีการเร่งปรับปรุงร่างกฎหมายฉบับนี้เพื่อให้เจ้าหน้าที่จัดการกลุ่มที่ยั่วยุและปลุกเร้ารวมทั้งอาจให้ข้อมูลบิดเบือนจากความเป็นจริงหรือแม้แต่การแสดงความเห็นที่ส่อเค้าเข้าสู่เขตอันตราย
ขณะเดียวกันการบังคับใช้กฎหมายแบบเข้มข้นในช่วงจากนี้ไปนั้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคสช.เสมือนไฟเขียวให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการได้อย่างเต็มที่หากผิดกฎหมายใดพิจารณาจากเจตนาของผู้ต้องสงสัยแล้วจัดการตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมทันที
ตรงนี้อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ฝ่ายความมั่นคงอ้างได้ว่า จะต้องจัดการความเคลื่อนไหวที่สร้างความวุ่นวายในสังคมทุกด้านและมันเป็นหนึ่งในภารกิจตามโรดแมพที่ต้องสลายสิ่งที่สร้างความแตกแยกให้บ้านเมืองแบบเบ็ดเสร็จ บุคคลที่ออกมาเคลื่อนไหวในยามนี้คือคนที่ฝ่ายความมั่นคงจับจ้องไว้นานแล้วและหลายคนนั้นอยู่ในบัญชีดำของฝ่ายความมั่นคงว่าอยู่ขั้วไหนและใครหนุน อย่าลืมว่า พลเอกประยุทธ์ มีแฟ้มลับคนที่อยู่ทั้งเบื้องหน้าและหลังจากนั้นมีสายสัมพันธ์กันอย่างไรและยังออกบอกกับสังคมให้รับรู้บ่อยครั้ง
ยาแรงที่ใช้จัดการยามนี้ ในมุมมองฝ่ายความมั่นคงถือว่า เพิ่งเริ่มต้นเพราะที่ผ่านมาอะลุ่มอะล่วยมาพอควรและยังให้โอกาสกลับตัวแต่คล้ายว่าไม่มีใครหวั่นเกรง เพราะการเข้าออกค่ายทหาร-เรือนจำ-โรงพักหลายครั้ง อาจทำให้บางคนมองว่าไม่เห็นมีอะไร แต่จากนี้ไปยาแรงจากคสช.จะทวีดีกรีขึ้นตามฐานความผิดและการเคลื่อนไหว
บางฝ่ายมองว่า รัฐบาลทหารใช้อำนาจเกินความจำเป็น และละเมิดสิทธิมนุษยชนแต่ต้องไม่ลืมว่า ตอนนี้ประเทศไทยอยู่ในยุคของคสช. มิใช่ยุคของรัฐบาลพลเรือนที่อิสระและเสรีภาพเบ่งบานและยิ่งความวุ่นวายในรอบสิบปีที่ผ่านมา คิดหรือว่า พลเอกประยุทธ์ จะยอมให้มันลุกลามต่อไปและต้องติดตามว่าฝ่ายไม่เอาคสช.จะเล่นเกมใหม่อย่างไรหลังยาแรงทวีดีกรีขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงทางโค้งรอยต่อปลายโรดแมพระยะที่ 2 สู่โรดแมพระยะที่ 3.