สลากขึ้นแชมป์รายได้ส่งคลัง
สลากมั่นใจปีนี้ นำรายได้ส่งคลังเพิ่มขึ้น 3 พันล้านบาท หลังบอร์ดสลากฯ สั่งพิมพ์สลากเพิ่มขึ้นเป็น 120 ล้านฉบับเพื่อแก้ไขปัญหาการจำหน่ายสลากเกินราคา
ในปีนี้ เราจะขึ้นแชมป์รัฐวิสาหกิจนำรายได้ส่งคลัง หลังจากที่สำนักงานสลากฯ พิมพ์สลากเพิ่มจาก 74 ล้านฉบับต่องวดขึ้นเป็น 120 ล้านฉบับต่องวด เพื่อแก้ไขปัญหาการจำหน่ายสลากเกินราคา” พล.ต.ฉลองรัฐ นาคอาทิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าว และกล่าวว่า
“ในปีงบประมาณ 59 เราไม่ทราบตัวเลขที่ชัดเจนว่าจะต้องนำส่งรายได้เข้าคลังเพิ่มขึ้นอีกมากน้อยแค่ไหน เพราะยอดการพิมพ์สลากเพิ่งเพิ่มขึ้นไม่กี่งวด แต่ก็ไม่น่าน้อยกว่า 3,000 ล้านบาท” ผู้อำนวยการสำนักงานสลากฯ กล่าว
ทั้งนี้จากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) พบว่าปีงบประมาณ56 สำนักงานสลากฯ นำส่งรายได้เข้าคลัง 15,082 ล้านบาท ปี57 นำส่งคลัง 15,311 ล้านบาท ปี58 นำส่งคลัง 15,432 ล้านบาท และในปีงบประมาณ 2559 ก่อนที่จะมีการปรับปรุงใหม่กำหนดรายได้นำส่งคลังเอาไว้ที่ 15,894 ล้านบาท โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 59 (ต.ค.58-ก.พ..59) สำนักงานสลากฯ นำส่งรายได้เข้าคลังไปแล้ว 7,960 ล้านบาท
สำหรับสาเหตุที่สำนักงานสลากฯ ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่ายอดการนำรายได้ส่งคลังจะเพิ่มอีกเท่าใดนั้น เพราะนโยบายของคณะกรรมการ(บอร์ด) ต้องการให้ยอดพิมพ์มีความยืดหยุ่นสูงสามารถขึ้นและลงได้ โดยยอดการพิมพ์กำหนดเอาไว้สูงสุดคือไม่เกิน 120 ล้านฉบับ และในบางงวดที่สลากขายไม่ดี เราก็จะลดยอดการพิมพ์สลากลง
ทั้งนี้ ในปัจจุบันกฎหมายสำนักงานสลากฯ กำหนดให้นำรายได้ 60% ไปจ่ายเป็นเงินรางวัล 20% นำรายได้ส่งคลังและอีก 20% เป็นค่าส่วนลดหรือกำไรของผู้ค้า ค่าบริหารจัดการของสำนักงานสลากฯ และนำส่งเข้ากองทุนสำนักงานสลากฯ เพื่อสังคม
ส่วนสถานการณ์การจำหน่ายสลากเกินราคาในขณะนี้ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากฯ กล่าวว่า มีแนวโน้มที่ดีขึ้นตามลำดับจากในช่วงแรกที่สายด่วนรับเรื่องร้องเรียนของสำนักงานสลากฯ มีประชาชนโทรแจ้งผู้ค้าขายสลากเกินราคาวันละ 100-300 ราย ขณะนี้ลดลงเหลือ 3-5 รายเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าการเพิ่มปริมาณสลากฯ การควบคุมผู้จำนวนสลากและวิธีการจองสลากรูปแบบใหม่ของสำนักงานสลากฯ ได้ผลดีเป็นอย่างมาก โดยสำนักงานสลากฯ ราคาสลากที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบันไม่เกินคู่ละ 80 บาท มีสัดส่วนสูงถึง 70-80% ส่วนที่ยังขายเกินราคาอยู่คือ สลากเลขชุดเช่น 2 คู่หรือ 3 คู่ ขณะที่เลขชุด 5 คู่หรือ 10 คู่ ในขณะนี้ยังไม่พบก็เท่ากับผู้ค้าสลากรายใหญ่ไม่สามารถรวบเลขชุดได้ในปริมาณมากๆ เหมือนอดีตที่ผ่านมา
“ในอนาคตหากกลไกลตลาดทำงานอย่างสมบูรณ์ ฝ่ายบริหารก็จะเสนอให้บอร์ดพิจารณาเพิ่มจำนวนสลากให้แก่ผู้ค้ารายย่อย จากปัจจุบันคนละไม่เกิน 5เล่ม ก็จะเพิ่มเป็นคนละ 10 เล่ม ซึ่งหากเป็นผู้ค้าสลากตัวจริงก็จะสามารถจำหน่ายได้หมด แต่หากมีปริมาณเพิ่มมากกว่านี้ เช่น 30 เล่มก็อาจจะขายไม่หมด”
ส่วนความคืบหน้าในการจำหน่ายสลากอาเซียน ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาของสำนักงานสลากฯ แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะดำเนินการได้เมื่อไหร่ เพราะยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน เนื่องจากสลากอาเซียนเป็นการจำหน่ายผ่านระบบออนไลน์ไม่ใช่การพิมพ์ออกเป็นใบๆ เหมือนกับสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยในช่วงระหว่างนี้ สำนักงานสลากฯ จะมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคาก่อนเป็นอันแรก.