รัฐจี้ รสก.ลงทุนก้อนสุดท้าย 1.3 แสนล้าน
1 รองนายกฯ + 2 รมต. ร่วมเคลียร์ใจปม “ตั้งบอร์ดรัฐวิสาหกิจ” หันกระทุ้งรัฐวิสาหกิจลงทุนตามแผนงาน หวัง กระตุ้นเศรษฐกิจและเรียกคืนความเชื่อมั่นของนักลงทุน ชี้เหลือเม็ดเงินลงทุนก้อนสุดท้ายก่อนปิดหีบงบประมาณปีนี้ แค่ 1.3 แสนล้านบาท
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง และ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ร่วมแถลงข่าวภายหลังรับฟังและติดตามการเบิกจ่ายงบประมาณการลงทุนจากตัวแทนรัฐวิสาหกิจ ณ ห้องวายุภักษ์ 4 กระทรวงการคลัง เมื่อช่วงสายของวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยนายสมคิดย้ำว่าไม่เฉพาะกันไทย แต่คนทั่วโลกต่างกังวลใจกับผลของสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ที่ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกในช่วงที่ผ่านมาไม่สู้ดีนัก กระทบภาคการส่งออกของหลายประเทศรวมทั้งไทย อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นี้ ยังพอจะมีเครื่องมือที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและเรียกคืนความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมาได้บ้าง นั่นคือ การใช้จ่ายของภาครัฐและการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ
ดังนั้น ตนจึงเรียกร้องให้รัฐวิสาหกิจต่างๆ ทั้ง 54 แห่ง ไม่ว่าจะอยู่ในสังกัดของกระทรวงใด เร่งการลงทุนตามแผนงานที่กำหนดไว้ เนื่องจากมีรัฐวิสาหกิจที่สามารถจะดำเนินงานได้ตามแผนงานที่วางไว้ ขณะที่รัฐวิสาหกิจบางแห่งอาจดำเนินงานไม่ได้ตามแผน จึงมอบหมายให้ รมว.คลัง และ รมว.คมนาคม รวมถึงข้าราชการในสังกัด ประสานความร่วมมือเพื่อผลักดันการลงทุนของรัฐวิสาหกิจดำเนินการไปตามแผนงาน เนื่องจากรัฐวิสาหกิจบางแห่งใช้รอบบัญชีตามปีงบประมาณ ขณะที่บางแห่งใช้รอบบัญชีตามปีปฏิทิน นั่นก็หมายความว่า เวลาที่เหลือ 2-4 ปี รัฐวิสาหกิจทุกแห่งจะต้องเร่งรัดดำเนินการเบิกจ่ายเงินลงทุนให้ได้ตามแผน
โดยตนเชื่อว่า สิ่งนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและพื้นคืนความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมาได้ พร้อมกันนี้ ยังสั่งการให้ทุกรัฐวิสาหกิจเตรียมนำเสนอโครงการลงทุนโครงการใหม่ในปีงบประมาณต่อไป ควบคู่ไปโครงการที่คั่งค้างในปีงบประมาณนี้ ก่อนเสนอไปยังกระทรวงต้นสังกัด เพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในคราวเดียวกันเลย
ด้านนายอุตตม กล่าวว่า ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เร่งจัดทำระบบการติดตามการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจให้เข้มข้นมากขึ้น พร้อมให้ประสานงานระหว่างกระทรวงการคลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาและทำงานกันได้ใกล้ชิดมากขึ้น ซึ่งหากติดขัดให้ประการใด ให้รายงานตนได้ทราบทันที ทั้งนี้ จากรายงานของ สคร.พบว่า หากรวมเม็ดเงินที่ยังไม่ได้นำไปลงทุนตามแผนงานเดิมจำนวน 30,000 ล้านบาท กับเม็ดเงินใหม่ในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ จะทำให้รัฐวิสาหกิจมีงบลงทุนในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ราว 1.3 แสนล้านบาท
ขณะที่ นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงคมนาคม ได้สั่งการให้รัฐวิหสากิจในสังกัดเร่งรัดการลงทุนไปแล้ว ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่าเม็ดเงินลงทุนในช่วงที่ผ่านมามีมากกว่า 5.38 แสนล้านบาท แต่เบิกจ่ายเพื่อการลงทุนเพียง 4.99 แสนล้านบาท ที่เหลืออีกราว 30,000 ล้านบาทนั้น ยังไม่สามารถจะเบิกจ่ายเพื่อการลงทุนได้ รองนายกฯ จึงได้กำชับให้รัฐวิสาหกิจเหล่านั้น ไปหาทางเบิกจ่ายเพื่อการลงทุน
ส่วนกรณีปัญหาการแต่งตั้งคณะกรรมการ (บอร์ด) ของรัฐวิสาหกิจ รวมถึงแผนการลงทุนและจัดซื้อในโครงการต่างๆ โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องของ 2 กระทรวง จนถูกมองว่าเป็นปัญหาระหว่างกระทรวงการคลังและคมนาคมนั้น นายศักดิ์สยาม ย้ำว่า ไม่มีปัญหาทุกอย่างอยู่ในขั้นตอนการหารือระหว่างกัน เชื่อว่าทุกอย่างจะจบลงด้วยดี เพราะทุกฝ่ายต่างมีเป้าหมายที่จะสร้างองค์กรให้เข้มแข็งและเติบโต เป็นประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้น การคัดเลือกคณะกรรมการฯของรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง จึงต้องเป็นไปเพื่อสรรหาคนเก่งคนดีมาร่วมงานเพื่อพัฒนาองค์กรให้มีศักยภาพสูงขึ้น
ส่วนนายอุตตม กล่าวเสริมว่า หลายรัฐวิสาหกิจที่มีปัญหาเรื่องการขาดทุนจากการดำเนินงาน และมีปัญหาด้านการเงินอื่นๆ แต่ไม่จำเป็นจะต้องได้ตัวประธานบอร์ดที่มีความรู้ความสามารถทางด้านการเงินหรือการคลังแต่อย่างใด สอดรับกับมุมมองของนายศักดิ์สยาม ที่ระบุว่า การสรรหาบอร์ดของรัฐวิสาหกิจต้องดำเนินไปตามกรอบของกฎหมาย และต้องเลือกเอาคนที่จะเข้ามาช่วยในการบริหารองค์กรให้เติบโตต่อไป.