ขุนคลังลุยยุ่น ชู EEC ดึงทุนเชื่อมอาเซียน
อุตตมเยี่ยมคารวะ “รองนายกฯ-รมว.คลัง” ญี่ปุ่น พร้อมฉายภาพเศรษฐกิจไทยและความต่อเนื่องเชิงนโยบาย หวังยกระดับศักยภาพและขีดความสามารถแข่งขัน ยกโปรเจ็กต์ EEC เชื่อมอาเซียน จูงใจนักลงทุนยุ่น
นายลวรณ แสงสนิท ผอ.สํานักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง และคณะฯ เข้าพบนาย Taro Aso รองนายกฯและรมว.คลังของญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า เป็นไปเพื่อเยี่ยมคารวะในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง รมว.คลัง โดย นายอุตตมได้เน้นย้ำถึงเสถียรภาพทางเศรษฐกิจไทย และความต่อเนื่องของนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการดำเนินนโยบายสนับสนุนการยกระดับศักยภาพของเศรษฐกิจและเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย
รวมถึงการปรับปรุงระบบสวัสดิการและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน การยกระดับศักยภาพของแรงงาน การวางรากฐานระบบเศรษฐกิจของประเทศสู่อนาคต ตลอดจนการสนับสนุนการลงทุนและการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทั้งในประเทศและเชื่อมโยงระหว่างประเทศไทยกับกลุ่มประเทศ CLMV
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันถึงการสร้างความร่วมมือระหว่างกระทรวงการคลัง หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงิน และสถาบันการเงินของทั้งสองประเทศในด้านต่างๆ เช่น การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม การเชื่อมโยงระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ และนโยบายรองรับสังคมผู้สูงอายุ
โฆษกกระทรวงการคลัง ระบุว่า รมว.คลัง ยังได้หารือกับนาย Tadashi Maeda ผู้ว่าการธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (Japan Bank for International Cooperation: JBIC) เกี่ยวกับการดำเนินโครงการที่สำคัญของ JBIC ในประเทศไทย เช่น การสนับสนุนด้านเงินกู้ทั้งในโครงการภาครัฐและเอกชน รวมทั้งการสนับสนุนทางการเงินแก่ SMEs ของญี่ปุ่นในประเทศไทย ในโอกาสนี้ ได้เชิญชวนให้ JBIC ขยายบทบาทในประเทศไทย
โดยอ้างคำพูดของนายอุตตมฯ ที่กล่าวว่า “ขณะนี้ ประเทศไทยมีโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งในประเทศและเชื่อมโยงระหว่างประเทศไทยกับภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC)”
ทั้งนี้ รมว.คลังได้แสดงความขอบคุณที่ญี่ปุ่นมีบทบาทสำคัญในสนับสนุนกลไกการขับเคลื่อนการพัฒนาตามยุทธศาสตร์ไทยมาโดยตลอด นอกจากนี้ ยังได้หารือทวิภาคีกับผู้บริหารของบริษัท Marubeni Corporation ซึ่ง รมว.คลังได้ให้ความมั่นใจถึงเศรษฐกิจไทย พร้อมทั้งเชิญชวนให้บริษัทขยายการลงทุนในประเทศไทย.