สรรพากรเก็บเกินเป้า 5.6 หมื่น ล.
สรรพากรเผย ผลการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้จัดเก็บภาษี ดันยอดพุ่งในรอบ 9 เดือนแรก จัดเก็บเกินเป้า 5.6 หมื่นล้านบาท ขี้ช่วยรักษาเสถียรภาพ การคลังและสร้างความเป็นธรรม
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวถึงการจัดเก็บภาษีในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 62 (ต.ค.61 – มิ.ย.62) ว่า สามารถรจัดเก็บภาษีได้รวม 1,471,749 ล้านบาท สูงกว่าเป้าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ (2.0 ล้านล้านบาท) 55,543 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.9 และสูงกว่าปีก่อน 115,406 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.5 เนื่องจากการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในกระบวนการทำงาน สร้างนวัตกรรมใหม่ การติดตามการยื่นแบบแสดงรายการภาษีโดยใช้ Data Analytics วิเคราะห์ข้อมูลการยื่นแบบเพื่อติดตามให้ผู้ประกอบการเสียภาษีสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง บูรณาการข้อมูลภายในและภายนอกเชื่อมโยงไปยังหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อให้ทราบรายได้ที่แท้จริงของผู้ประกอบการ การให้ผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบมากขึ้นโดยการจัดทำบัญชีเดียว การส่งเสริมความสมัครใจในการเสียภาษีผ่านการประชาสัมพันธ์บริการดิจิทัล และการสร้างความเป็นธรรมในการเสียภาษี
สำหรับผลจัดเก็บ แยกตามประเภทภาษีสำคัญ มีดังนี้
ภาษีเงินได้นิติบุคคล จัดเก็บได้ 445,604 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายตามเอกสารงบประมาณ 11,702 ล้านบาท และสูงกว่าปีก่อนร้อยละ 8.6 จากการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาวิเคราะห์ความเชื่อมโยงของผู้ประกอบการ (Supply Chain) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี รวมถึงผลประกอบการของนิติบุคคลที่เพิ่มขึ้นในปีก่อน
ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม จัดเก็บได้ 96,378 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายตามเอกสารงบประมาณ 50,908 ล้านบาท และสูงกว่าปีก่อนร้อยละ 87.4 จากการเร่งรัดติดตามจัดเก็บภาษีและผู้ประกอบการปิโตรเลียมมีผลการดำเนินงานดีขึ้นจากราคาน้ำมันในช่วงที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น
ภาษีธุรกิจเฉพาะ จัดเก็บได้ 46,185 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายตามเอกสารงบประมาณ 1,429 ล้านบาท และสูงกว่าปีก่อนร้อยละ 2.9 จากการโอนอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปีก่อน และในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ 62
อากรแสตมป์ จัดเก็บได้ 12,072 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายตามเอกสารงบประมาณ 427 ล้านบาท และสูงกว่าปีก่อนร้อยละ 6.3 จากการติดตามจัดเก็บภาษีจากการทำสัญญาและตราสารเพิ่มขึ้นตามโครงการลงทุนภาครัฐและเอกชน และการโอนอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี 61 ถึงต้นปี 62
“ในช่วง 3 เดือนที่เหลือของปีงบประมาณ 2562 (ก.ค. – ก.ย.62) ผลจัดเก็บภาษีกรมสรรพากรได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว การนำเข้าและส่งออกลดลงจากสงครามการค้า ราคาน้ำมันที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ค่าเงินบาทแข็งค่า อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง การชะลอตัวของสินเชื่อและการบังคับใช้มาตรการควบคุมสินเชื่อบ้านหลังที่สอง อย่างไรก็ตาม กรมสรรพากรจะเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในด้านต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น เพื่อให้การจัดเก็บภาษีมีความเป็นธรรมและเป็นไปตามเป้าหมายตามเอกสารงบประมาณ 2.0 ล้านล้านบาทต่อไป” อธิบดีกรมสรรพากร สรุป.