“ฮาบิแทท” ร่วมทุน“ลิสต์ กรุ๊ป”ญี่ปุ่น ผุดคอนโดฯย่านทองหล่อ
“ฮาบิแทท กรุ๊ป” ประกาศแผนการร่วมทุน “ลิสต์ กรุ๊ป” จากญี่ปุ่น ร่วมลงทุนพัฒนา 2 โครงการคอนโดมิเนียมลักชัวรีโลว์ไรซ์ใจกลาง CBD มูลค่ารวมกว่า 2,800 ล้านบาท เสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ เพิ่มโอกาสขยายตลาดสู่ต่างประเทศ
นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ว่า การร่วมทุนกับ ลิสต์ กรุ๊ป ครั้งนี้ เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมลักชัวรีโลว์ไรซ์ บนทำเลศักยภาพย่านทองหล่อจำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ “วาลเด้น ทองหล่อ 8” และโครงการ “วาลเด้น ทองหล่อ 13” มูลค่าโครงการรวม 2,800 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญเพื่อให้เป็นไปตามแผนกลยุทธ์ ผลักดันการเติบโตของธุรกิจของ ฮาบิแทท กรุ๊ป อย่างต่อเนื่อง ในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรีในย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) ของกรุงเทพฯ และเป็นการต่อยอดธุรกิจไปเปิดตลาดจีนและฮ่องกง ซึ่งจะใช้เครือข่ายสำนักงานของลิสต์ กรุ๊ป ที่กระจายอยู่ในหลายประเทศ ขยายตลาดลูกค้าต่างประเทศของฮาบิแทท กรุ๊ป
ทั้งนี้ ทั้งสองบริษัท ได้มีการจัดตั้งบริษัทฯ ร่วมทุน 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป ลิสต์ จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการ “วาลเด้น ทองหล่อ 8” และ บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป ลิสต์ 2 จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการ “วาลเด้น ทองหล่อ 13” โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นแบ่งเป็น ฮาบิแทท กรุ๊ป ถือหุ้น 62% และลิสต์ กรุ๊ป ถือหุ้น 38%
สำหรับโครงการ “วาลเด้น ทองหล่อ 8” เป็นคอนโดมิเนียมลักชัวรีโลว์ไรซ์ 8 ชั้น จำนวน 117 ยูนิต ตั้งอยู่ในซอยทองหล่อ 8 มีขนาดห้องตั้งแต่ 32.5-71 ตร.ม.ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 235,000-260,000 บาทต่อตร.ม. โดยจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2562 และโครงการ “วาลเด้น ทองหล่อ 13” เป็นคอนโดมิเนียมลักชัวรีโลว์ไรซ์ 8 ชั้น จำนวน 122 ยูนิต มีขนาดห้องตั้งแต่ 35 – 60 ตร.ม. ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 185,000 – 220,000 แสนบาทต่อตร.ม. เปิดในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้เช่นกัน
มิสเตอร์ฮิซาชิ คิตะมิ ผู้ก่อตั้ง ซีอีโอ และประธาน, ลิสต์ กรุ๊ป กล่าวว่า เมืองไทยเป็นตลาดสำคัญสำหรับ ลิสต์ กรุ๊ป โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ซึ่งบริษัทฯ ได้เล็งเห็นความแข็งแกร่งในพื้นฐานหลายเรื่องๆ อีกทั้งยังมองว่าตลาดอสังหาฯระดับพรีเมียมจะยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราเลือกร่วมทุนกับ ฮาบิแทท กรุ๊ป เพราะเป็นบริษัทอสังหาฯที่มีจุดเด่นเฉพาะตัว มีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับพรีเมียมเพื่อการลงทุน และมีการศึกษาข้อมูลการตลาดเชิงลึก
“มั่นใจว่า ด้วยแนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง 2562 จากสภาพทางเศรษฐกิจที่มั่นคง และโครงการลักชัวรีต่างๆ ที่ยังมีจำนวนจำกัดในพื้นที่ จะทำให้ทั้ง 2 โครงการ เป็นโอกาสในการลงทุนที่มั่นคง สำหรับผู้ซื้อที่คาดการณ์ผลตอบ แทนและกำไรจากการลงทุนที่แข็งแกร่ง”.