กรมศุลฯลุยแรงคดีลักลอบขนขยะพิษ
กรมศุลกากรสั่งทุกด่าน ทุกจุด ตรวจเข้ม! “ขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติก” ลั่น! พร้อมดำเนินคดีให้ถึงที่สุด โดยไม่ยอมระงับในชั้นศุลกากรทุกกรณี เผยจ่อผลักดันขยะพิษพ้นจากไทยทันทีที่คดีจบ
นายชัยยุทธ คำคุณ โฆษกกรมศุลกากร กล่าวถึงมาตรการแก้ไขปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติก ว่า ปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติก ยังคงเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยของคนไทย และมีแนวโน้มการนำเข้าโดยไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ดังนั้น จำเป็นต้องมีการกำหนดมาตรการแก้ไขอย่างเร่งด่วน กรมศุลกากรจึงมีมาตรการในการแก้ไขปัญหา ดังนี้
- กรมศุลกากรได้มีการวิเคราะห์สถานการณ์เกี่ยวกับขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติก ดำเนินการติดตาม กำหนดเป้าหมายต้องสงสัยที่จะกระทำความผิดทางศุลกากร และเข้าตรวจสอบเพื่อติดตามและขยายผลอย่างต่อเนื่อง2. สั่งการให้ กอง สำนักงาน และด่านศุลกากรทุกแห่ง เข้มงวดในการตรวจสอบของประเภทขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติก หรือของที่มีการสำแดงพิกัด หรือมีรูปลักษณ์ ใกล้เคียงกับขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติกเพื่อป้องกันการลักลอบหรือหลีกเลี่ยงทางศุลกากร และ 3. กรณีที่ตรวจพบการกระทำความผิดทางศุลกากรที่เกี่ยวกับของประเภทขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติก กรมศุลกากรจะดำเนินการส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป โดยไม่เปรียบเทียบงดการฟ้องร้องในชั้นศุลกากร
ทั้งนี้ ช่วงปีงบประมาณ 61 – 62 สามารถจับกุมคดีลักลอบและหลีกเลี่ยงนำเข้าเศษพลาสติกได้ทั้งสิ้น 103 คดี คิดเป็นมูลค่า 17.5 ล้านบาท (น้ำหนักรวม 4,043 ตัน) โดยปีงบประมาณ 61 จับกุมได้ถึง 86 คดี มูลค่า 14.5 ล้านบาท (น้ำหนักรวม 3,664 ตัน) และช่วงเดือน ต.ค.61 – พ.ค.62 จับกุมได้ 17 คดี มูลค่า 3 ล้านบาท (น้ำหนักรวม 379 ตัน)
“ปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์เริ่มลดน้อยลง แต่กับเศษพลาสติกยังคงน่าเป็นห่วง ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ด่านศุลกากรทุกแห่งเข้มงวดกับการตรวจจับ โดยเฉพาะกลุ่มที่อาจสำแดงสินค้าในลักษณะใกล้เคียง เช่น แจ้งว่านำเข้าเม็ดพลาสติก หรือเศษโลหะ ซึ่งหากพบการกระทำผิด กรมศุลกากรจะทำการขยายผลการจับกุมให้ถึงที่สุด โดยจะให้พนักงานสืบสวนส่งฟ้องศาล และจะไม่ระงับในชั้นศุลกากรทุกกรณี” นายชัยวัฒน์ ย้ำและว่า หากคดีถึงที่สุด ทางการไทยจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อผลักดันขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติกออกนอกประเทศในทันที.