กยศ.ลดเบี้ยปรับ 75% จี้แบงก์เช็คผู้กู้ใหม่
กยศ. “ลูบหลังแล้วตบหัว” หลังปรับเงื่อนไขประนอมหนี้ใหม่ ลดเบี้ยปรับ 75% พร้อมขยายเวลาคืนหนี้นานสุด 15 ปี หวังช่วยเหลือผู้กู้ที่ถูกดำเนินคดีและมีภาระหนี้ค้างจ่ายเยอะ เผยจี้แบงก์ตรวจเช็คฐานะการเงินลูกหนี้รายใหม่ อิงฐานมูลหนี้ที่ต้องชำระผ่านองค์กรนายจ้างทั้งภาครัฐและเอกชน
นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผจก.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) กล่าวถึงมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ในกลุ่มผิดนัดชำระหนี้เกือบ 400,000 ราย หรือคิดเป็นกว่า 60% ของลูกหนี้ทั้งหมดราว 6 ล้านคน ว่า กยศ.ได้เปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาลใหม่ โดยหากผู้กู้ยืมที่ถูกดำเนินคดีในปี 62 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความที่ศาล จะลดเบี้ยปรับถึง 75% ของเบี้ยปรับที่มีอยู่ ณ วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ
ทั้งนี้ มีเงื่อนไขว่าผู้กู้ยืมที่ตกลงทำสัญญาแล้วต้องไม่ผิดนัดชำระหนี้งวดใดงวดหนึ่ง ตั้งแต่ปีที่ 2 เป็นต้นไป หากผู้กู้ยืมผิดนัดงวดใดงวดหนึ่ง จะนำส่วนลดเบี้ยปรับกลับเข้ามาเป็นหนี้ตามคำพิพากษาทันที โดย กยศ.ให้โอกาสผู้กู้ในการผ่อนชำระได้สูงสุดไม่เกิน 15 ปี นับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความขึ้นกับจำนวนทุนทรัพย์ (เงินต้น ดอกเบี้ย เบี้ยปรับ) คงเหลือ ณ วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ
กล่าวคือ หากทุนทรัพย์ไม่เกิน 250,000 บาท ให้ผ่อนชำระไม่เกิน 9 ปี, ทุนทรัพย์ตั้งแต่ 250,000 – 400,000 บาท ให้ผ่อนชำระไม่เกิน 12 ปี และทุนทรัพย์มากกว่า 400,000 บาทขึ้นไป ให้ผ่อนชำระไม่เกิน 15 ปี
โดยวิธีการดังกล่าวถือเป็นการช่วยเหลือผู้กู้ยืมที่มีหนี้ค้างชำระจำนวนมากให้สามารถผ่อนชำระหนี้ตามความสามารถได้ต่อเนื่องโดยต้องไม่ผิดนัดชำระหนี้อีก และเป็นการสร้างวินัยให้กับผู้กู้ยืม ซึ่งหลังจากที่ผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกันได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแล้ว ผู้กู้ยืมจะต้องชำระเงินทุกเดือนตามที่กำหนด ทั้งนี้ หากผู้กู้ยืมยังผิดนัดชำระหนี้หรือค้างชำระหนี้อีก นอกจากจะไม่ได้รับส่วนลดเบี้ยปรับแล้ว กองทุนจะทำการบังคับคดีต่อไปในอนาคต หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line@กยศ.คดีและบังคับคดี หรือโทร 0 2016 4888
รายงานข่าวจาก กยศ. ระบุว่า ภายหลังมีการออกกฎหมายใหม่ เพื่อให้หน่วยงานรัฐและเอกชนที่เป็นต้นสังกัดของลูกหนี้ กยศ. ดำเนินการหักหนี้สินของเจ้าหน้าที่หรือพนักงานที่ทำงานกับต้นสังกัด และเป็นลูกหนี้ของ กยศ.นั้น พบว่า ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี สามารถหักบัญชีส่งเงินคืน กยศ.ได้เต็มจำนวน
นอกจากนี้ กยศ.ยังส่งหนังสือไปยังสถาบันการเงิน ทั้งของรัฐและเอกชน ให้ดำเนินการสอบถามและนับรวมหนี้สินที่มีกับ กยศ. ไว้ในบัญชีภาระรายจ่ายของลูกหนี้เงินกู้รายใหม่ ทั้งนี้ เพื่อที่สถาบันการเหล่านั้น จะได้ทราบข้อมูลที่แท้จริงเกี่ยวกับความสามารถในการชำระเงินของลูกหนี้เหล่านี้ เนื่องจากคนกลุ่มนี้ มีภาระรายจ่ายที่จะต้องชำคืนทั้งดอกเบี้ยและเงินต้นกับ กยศ.
“แม้ กยศ.จะผ่อนปรนเรื่องการประนอมหนี้ แต่หากลูกหนี้ที่เข้ามาทำสัญญาแล้วยังจะผิดนัดชำระหนี้นับแต่ปีที่ 2 เป็นต้นไป กยศ.ก็พร้อมจะดำเนินการขั้นเด็ดขาด ตั้งแต่ฟ้องร้องดำเจอคดียึดทรัพย์ และขาดทอดตลาด เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว” รายงานข่าวระบุ.