“เอพี” โกยยอดขายครึ่งปีแรก 20,800 ลบ.เตรียมเปิดแบรนด์ใหม่
“เอพี (ไทยแลนด์)” เผยครึ่งปีแรกสร้างยอดขายแล้ว 20,800 ล้านบาท เติบโตกว่า 20% พร้อมเปิดแผนบุกตลาดครึ่งปีหลัง เปิดตัว 23 โครงการใหม่ มูลค่า 27,265 ล้านบาท ไฮไลท์เปิดตัวแบรนด์ใหม่ THE SONNE ศรีนครินทร์ – บางนา เติมเต็มพอร์ตบ้านลักชัวรี่ และการกลับมาของคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ LIFE SATHORN SIERRA
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) เผยว่า แม้ภาพรวมของธุรกิจอสังหาฯ ครึ่งปีแรกจะมีหลายปัจจัยทั้งเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว หรือมาตรการควบคุมภายในประเทศที่กระทบบรรยากาศการซื้อขาย แต่ เอพี เชื่อว่าดีมานด์ลูกค้าที่มองหาที่อยู่อาศัยยังมีอยู่ แต่เป็นดีมานด์ที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น “โลเคชั่น’” “แบบบ้าน’” และ “แพ็คเกจราคา” ต้องใช่ถึงตัดสินใจซื้อ โดยการดำเนินงานในครึ่งปีแรก ภายใต้กลยุทธ์การรบยาวเปิดตัวทุกแบรนด์ในเครือ พัฒนาโปรดักซ์ตอบโจทย์เฉพาะเจาะจงแต่ละเซ็กเมนต์ ส่งผลภาพรวมยอดขายครึ่งปีทำได้กว่า 20,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 20% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่ 17,265 ล้านบาท โดยยอดขายกว่า 54% มาจากสินค้าแนวราบ โดยเฉพาะโครงการบ้านเดี่ยว THE CITY ราชพฤกษ์ – สวนผัก และ PLENO ดอนเมือง – สรงประภา
“ในส่วนของธุรกิจอสังหาฯ ครึ่งปีหลัง เชื่อว่าผู้ประกอบการทุกราย ต่างเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ตลาดอย่างใกล้ชิด อาทิ ความชัดเจนทางการเมือง แผนการจัดตั้งรัฐบาล และการฟอร์มทีมดูแลด้านนโยบายเศรษฐกิจของประเทศอย่างชัดเจน โดยคาดการณ์อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ที่จะเข้ามากระตุ้นภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศให้กลับมาเติบโตอีกครั้ง”
ทั้งนี้ ในครึ่งปีหลัง บริษัทจะเปิดตัว 23 โครงการใหม่ มูลค่า 27,265 ล้านบาท จากในครึ่งปีแรกเปิดไปแล้ว 17 โครงการ มูลค่ารวม 30,785 ล้านบาท โดยไฮไลท์โครงการครึ่งปีหลัง เตรียมเปิดตัวสินค้าแบรนด์ใหม่ ภายใต้ชื่อ THE SONNE ศรีนคริทร์-บางนา มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท และในส่วนของคอนโดมิเนียม เตรียมเปิดตัว LIFE SATHORN SIERRA (โครงการร่วมทุน) มูลค่าโครงการ 6,300 ล้านบาท ต้นแบบการพัฒนาโครงการแนวสูงควบคู่กับสร้างพิมพ์เขียวแห่งคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนเต็มรูปแบบแห่งแรกของไทย พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้
ณ 30 มิถุนายน 2562 บริษัทฯ มีสินค้ารอรับรู้รายได้ (Backlog) รวมโครงการร่วมทุน มูลค่า 57,310 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบ มูลค่า 10,130 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ทั้งหมดภายในปีนี้ และคอนโดมิเนียมรวมโครงการร่วมทุน มูลค่า 47,180 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดเอพี 5,650 ล้านบาท โดยจะทะยอยรับรู้ในปีนี้ประมาณ 2,604 ล้านบาท และคอนโดร่วมทุน 41,530 ล้านบาท รับรู้ในปีนี้ประมาณ 5,505 ล้านบาท และที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2566.