“โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้” ปักธงภูเก็ตเจาะตลาดแนวราบ
โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ เผยตลาดอสังหาฯ ภูเก็ตโตต่อเนื่องรับการขยายตัวด้านท่องเที่ยว ปลื้มกวาดยอดขาย “โอเชี่ยน ทาวน์ เมือง-รัษฎา” ไปแล้วกว่า 250 ล้านบาท พร้อมสยายปีกบุกหนักแนวราบ ปักธงใจกลางภูเก็ต เตรียมผุดโครงการใหม่ มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท เปิดขายระดับราคา 4-6 ล้านบาท เจาะกลุ่มเรียลดีมานด์
นายณพงศ์ ปริพนธ์พจนพิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด ในกลุ่มบริษัทในเครือไทยสมุทรประกัน เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตว่า ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่อง ทั้งนี้จากข้อมูลจากสมาคมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต คาดการณ์ว่าในปี 2562 มูลค่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ตจะมีไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตทางเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตที่ขยายตัวจากการแผนการลงทุนขยายโครงข่ายด้านการคมนาคมขนส่งของภาครัฐ อาทิ โครงการขยายสนามบินนานาชาติภูเก็ตเฟส 3 ที่สามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 25 ล้านคน/ปี การลงทุนก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบา ภูเก็ต-พังงา เป็นต้น
ขณะที่การลงทุนของภาคเอกชนต่อการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มีให้เห็นในรูปแบบต่างๆ และเป็นโครงการเมกะโปรเจกต์มากขึ้น เพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่เพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบัน สนามบินนานาชาติภูเก็ตต้อนรับนักเดินทางอยู่ที่ 18 ล้านคนต่อปี ซึ่งปัจจัยด้านการท่องเที่ยวช่วยส่งเสริมศักยภาพให้เศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตคึกคักยิ่งขึ้น รวมทั้งความต้องการด้านที่อยู่อาศัยเช่นกัน และจากการศึกษาข้อมูลพบว่า ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยของชาวภูเก็ตยังมีอยู่สูง โดยเฉพาะจากกลุ่มข้าราชการ พนักงานเอกชน และกลุ่มเจ้าของกิจการ เป็นต้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ลงทุนพัฒนาโครงการแนวราบแห่งแรกในจังหวัดภูเก็ต ภายใต้ชื่อ “โอเชี่ยน ทาวน์ เมือง-รัษฎา” มูลค่า 700 ล้านบาท เป็นโครงการทาวน์โฮม และอาคารพาณิชย์สไตล์โมเดิร์น ราคาเริ่มต้น 2.69 ล้านบาท เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตครอบคลุมทุกความต้องการทั้งในด้านความคุ้มค่าคุ้มราคาเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคในจังหวัดภูเก็ต ทั้งนี้ได้เปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สามารถทำยอดขายได้แล้ว 250 ล้านบาท
“บริษัทยังมีแลนด์แบงก์อีกหลายแปลง จึงมีแผนจะนำพื้นที่บางส่วนมาพัฒนาโครงการแนวราบใหม่ต่อเนื่อง มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท ในรูปแบบของบ้านแฝดระดับราคา 4 ล้านบาท และบ้านเดี่ยว 5-6 ล้านบาท เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเรียลดีมานด์ระดับกลาง หลังจากพบว่า ระดับราคานี้มีความต้องการสูง ซึ่งถือว่าเป็นการรุกเจาะตลาดแนวราบครั้งใหญ่ในเมืองท่องเที่ยวของบริษัท เนื่องจากที่ผ่านมาจะเน้นพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ คาดว่าจะเปิดตัวโครงการในปี 2563”.