MK เดินหน้าตามแผน 5 ปี เร่งสร้างพอร์ตธุรกิจรายได้ประจำ
“มั่นคงเคหะการ” ระบุ LTV ไม่กระทบยอดขายบ้านของบริษัท เหตุฐานลูกค้ากลุ่มบ้านหลังแรก พร้อมเดินตามโรดแมป 5 ปี เพิ่มธุรกิจรายได้ประจำ เสริมกับการขายอสังหาฯ ชูกลยุทธ์ “Well-Being” เน้นใส่ใจสุขภาพของลูกบ้าน เผยปี 62 ผุด 4 โครงการใหม่ กว่า 4,560 ล้านบาท
นางสาวดุษฎี ตันเจริญ กรรมการผู้จัดการ บมจ. มั่นคงเคหะการ จำกัด หรือ “MK” กล่าวว่า บริษัทไม่ได้รับผลกระทบมากนัก จากเกณฑ์การควบคุมสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ (LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา เนื่องจากสินค้าของมั่นคงเคหะการ จะเป็นกลุ่มบ้านหลังแรก ขณะที่ในครึ่งปีหลัง ต้องติดเรื่องภาวะเศรษฐกิจจะมีผลต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยมากน้อยแค่ไหน ส่วนเรื่องอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มยังอยู่ในระดับต่ำ ไม่ได้สร้างความกดดันกับผู้ประกอบการ
สำหรับโรดแมปของแผนธุรกิจ 5 ปี (2560-2564) นั้น ยังคงเป็นไปในทิศทางที่วางไว้ ทั้งในเรื่องการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ (พอร์ต) ที่จะมีทั้งโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย เพื่อเช่า และเพื่อการบริการให้กับผู้อยู่อาศัยอย่างครบวงจร เนื่องจากที่ผ่านมา รายได้หลักของมั่นคงเคหะการ 95% จะมาจากรายได้การขายอสังหาริมทรัพย์ แต่ด้วยนโยบายขยายโครงสร้างสู่ธุรกิจที่สร้างรายได้สม่ำเสมอ ทั้งในด้านอาคารสำนักงาน สนามกอล์ฟ คลังสินค้า และธุรกิจเพื่อสุขภาพ จะผลักดันให้มีรายได้จากการขายอสังหาฯ และรายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับค่าเช่าและบริการอยู่ในสัดส่วน 50:50% ภายในปี 2564 จากปัจจุบันอยู่ที่ 75:25%
“มั่นคงเคหะการ ต้องการเติบโตแบบยังยืน ซึ่งทางบริษัทฯได้ร่วมกับพันธมิตร 2 ราย เพื่อเดินหน้าพัฒนาโครงการ ภายใต้แนวคิด “การใช้ชีวิตในแบบสุขภาวะที่ดี หรือ Well-Being” จะเปิดตัวภายในไตรมาส 4 ปีนี้ เน้นการออกแบบโดยคำนึงถึงสุขภาวะที่ดีของผู้อยู่อาศัย ซึ่งในปัจจุบันเทรนด์การดูแลสุขภาพทั่วโลกกำลังมา และได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น โดยได้นำร่องโครงการในพื้นที่สนามกอล์ฟของบริษัทในจ.ปทุมธานี แนวทางที่เราทำ ก็เพื่อการปรับตัว และเราขอยึดมั่นในจุดยืนในเรื่อง Well-Being จะว่าไปแล้ว ก็เหมือนการรีแบรนด์ แทนที่จะมุ่งเรื่องขายบ้าน ประกอบกับฐานลูกค้าของบริษัท กลุ่ม เจน Y อายุประมาณ 30 ปี มีสัดส่วนมากขึ้น กลุ่มนี้ มองเรื่องไลฟ์สไตล์มากขึ้น สิ่งที่เราทำ แน่นอน มีผลต่อยอดขาย ทำให้ลูกค้ามองแบรนด์มั่นคงเคหะการ ในอันดับต้นๆ”
อย่างไรก็ตามในปี 2562 นี้ บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการเพื่อขายใหม่จำนวน 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 4,560 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทเตรียมรุกตลาดธุรกิจเช่าและการบริการ โดยมีแผนพัฒนาโครงการบางกอกฟรีเทรดโซนโรงงานและคลังสินค้าเพื่อเช่า เพิ่มขึ้นเป็น 173,500 ตารางเมตร(ตร.ม.) ส่วนโครงการ พาร์ค คอร์ท สุขุมวิท 77 เป็นคอนโดฯและอพาร์ตเมนต์ให้เช่า โดยตั้งเป้าปล่อยเช่า 100% ได้ภายในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีโครงการแนวราบที่เปิดขายอยู่รวม 12 โครงการ คาดว่ารายได้จากยอดขายอสังหาฯปีนี้ จะเติบโตประมาณ 10%.