ทอท.ทุ่ม 2หมื่นล้านลุยดอนเมืองเฟส3
ทอท.โกยกำไรพุ่งปลิ้น มั่นใจงบลงทุนตนเองพัฒนาสนามบิน 6 แห่ง 1.4 แสนล้านบาท รอบรับปริมาณผู้โดยสาร 165 ล้านคนในอีก 5 ปีข้างหน้า “นิตินัย” ยันขยายสนามบินสุวรรณภูมิเฟส2 มูลค่า 5.5 หมื่นล้านบาทแน่นอน
“นิตินัย” เสนอบอร์ด ทอท. อนุมัติงบกว่า 2 หมื่นล้านบาท ขยายดอนเมือง เฟส3 ตั้งเป้ารายได้เชิงพาณิชย์โตปีละ20% คุยลั่น!กลางมี.ค.นี้เปิดประมูลสุวรรณภูมิเฟส2 ไม่เกิน 6เดือนตอกเสาเข็ม วาดฝันแผนลงทุนใน5ปีทุ่มงบ 1.4 แสนล้านบาท พัฒนา 6สนามบิน โว!ไม่กู้ เหตุสภาพคล่องหมุนเวียนดีจัด เงินสดในมือกว่า 4หมื่นล้าน
“สนามบินดอนเมืองจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง หลังจากที่บอร์ด ทอท.อนุมัติงบประมาณก่อสร้างเฟสที่ 3 วงเงิน 20,000 ล้านบาท” นายนิตินัย ศิริสมรรถการ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยฝ่ายบริหารจะเสนอเรื่องดังกล่าว ในระหว่างการประชุมบอร์ด ทอท.วันที่ 23 มี.ค.นี้
สำหรับการขยายโครงการสนามบินดอนเมือง เฟส 3 มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท จะประกอบด้วยการปรับปรุงอาคารผู้โดยสารหลังภายในประเทศหลังเดิม ปรับปรุงสร้างอาคารจอดรถจากเดิม 7 ชั้น เป็น 8 ชั้น เพื่อรองรับรถได้ 3,000 คัน รวมถึงก่อสร้างอาคารเชื่อมต่อระหว่างอาคารผู้โดยสารหลังที่2 กับสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดงหน้าสนามบินดอนเมือง หรือ อาคาร Junction Terminal
นายนิตินัย กล่าวว่า ปัจจุบันสนามบินดอนเมืองรองรับผู้โดยได้ประมาณ 30 ล้านคนต่อปี แต่เมื่อการก่อสร้างในเฟสที่ 3 เสร็จสิ้น จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นเป็น 40 ล้านคนต่อปี และที่สำคัญพื้นที่ที่ให้บริการเชิงพาณิชย์จะมีมากขึ้น จากเดิมมีพื้นที่เพียง 6,000 ตารางเมตร ก็จะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 16,000 ตารางเมตร ซึ่งในส่วนนี้จะทำให้รองรับปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้นกว่า 20-30 % และ คาดการณ์ว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นกว่าปีละ 20% หรือเพิ่มกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี
นอกจากนี้ ในระหว่างปีงบประมาณ 2559-2563 ทอท.ยังมีแผนที่จะลงทุนพัฒนาสนามบินในความรับผิดชอบของ ทอท. ทั้ง 6 สนามบิน คือ สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง สนามบินเชียงใหม่ สนามบินภูเก็ต ,สนามบินหาดใหญ่ และสนามบินเชียงราย โดยจะใช้งบลงทุนกว่า 140,000 ล้านบาท โดยงบประมาณที่ใช้ในการก่อสร้างนั้น ทอท.จะใช้งบประ มาณของ ทอท.เอง เนื่องจาก ทอท.มีสภาพคล่องกว่า 40,000 ล้านบาท และคาดว่ารายได้และกำไรต่อปีจะอยู่เฉลี่ยที่ปีละ 25,000 ล้านบาท หากใน 4 ปีช่วงก่อสร้างจะมีเงินรวมกว่า 110,000 ล้านบาท คาดว่าหากสถานการณ์สงบไม่มีปัจจัยอื่นๆ เข้ามากระทบผลการดำเนินของ ทอท.เราก็จะใช้ทุนของเราเองทั้งหมด
“เราประเมินว่า สนามบินทั้ง 6 แห่ง จะสามารถรองรับปริมาณผู้โดยสารได้รวมทั้งหมดกว่า 165 ล้านคนต่อปี จากปัจจุบันที่รองรับผู้โดยสารได้ 83.5 ล้านคนต่อปี ขณะที่สนามบินดอนเมืองมีศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารอยู่ที่ 18.5 ล้านคนต่อปี แต่มีการใช้บริการมากถึง 28.5 ล้านคนต่อปี ขณะที่สนามบินภูเก็ตมีศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารอยู่ที่ 6.5 ล้านคนต่อปี แต่มีจำนวนผู้ใช้บริการอยู่ที่12 ล้านคน ส่วนสนามบินสุวรรณภูมิมีศักยภาพรองรับผู้โดยสารอยู่ที่ 45ล้านคนต่อปี แต่มีปริมาณผู้โดยสารมากถึง 52 ล้านคน”
สำหรับในปีนี้ การลงทุนหลักๆ ของ ทอท.จะอยู่ที่การขยายสนามบินสุวรรณภูมิเฟส2 ซึ่งทั้งโครงการมีงบประมาณที่จะใช้ลงทุน 62,503.214 ล้านบาท แต่ได้มีการปรับลดค่าใช้จ่ายในส่วนต่างๆ จึงลดค่าใช้จ่ายได้กว่า 7,300 ล้านบาท เหลืองบประมาณโครงการที่ 55,000 ล้านบาท ขณะที่การสร้างอาคารผู้โดยสาร หลังที่2 จะใช้งบประมาณ 27,000 ล้านบาท และสร้างรันเวย์ที่3 จะใช้งบประมาณ 20,000 ล้านบาท รวมงบประมาณที่ใช้ขยายสนามบินสุวรรณภูมิทั้งหมดจะอยู่ที่ 110,000 ล้านบาท โดยงบประมาณที่เหลือจะกระจายไปขยายพื้นที่ให้บริการที่สนามบินอื่นๆ เช่น สนามบินเชียงใหม่ และสนามบินหาดใหญ่
โดยการขยายขีดความสามารถลงทุนสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส2 นั้น มั่นใจว่ากลางเดือนมี.ค. 59 นี้จะสามารถเปิดประมูลได้ก่อน 3 สัญญาคือ งานก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 ลานจอดประชิด เชื่อมต่อใต้ดินทางทิศใต้ วงเงิน 13,000 ล้านบาท และ งานก่อสร้างระบบงานสาธาณูปโภควงเงิน 2,200 ล้านบาท และงานจ้างที่ปรึกษาควบคุมโครงการ และหลังจากนั้นไม่เกิน 6 เดือนจะสามารถตอกเสาเข็มเริ่มงานก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิได้ทันที
ด้านนายเพ็ชร ชั้นเจริญ ผู้อำนวยการสนามบินดอนเมือง กล่าวว่า เมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา ทอท.ได้เปิดให้บริการอาคารผู้โดยสารภายในประเทศหรือ อาคารผู้โดยสาร อาคาร2 อย่างเป็นทางการ ซึ่งตรงกับวันครบรอบ 102 ปีการดำเนินงานของสนามบินดอนเมือง เพื่อรองรับจำนวนผู้โดยสารที่มาใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอาคาร2 ตั้งอยู่ถัดจากอาคารผู้โดยสาร อาคารที่1 ให้บริการผู้โดยสารระหว่างประเทศ โดยมีทางเชื่อมอาคารอยู่ระหว่างชั้น1 และชั้น3 มีจุดบริการด้านการขนส่งสาธารณะต่างๆ ที่ชั้น1 ได้แก่ รถประจำทางสาย A1 – A2 และรถ Airport LimoBus Express ซึ่งแวะจอดรับผู้โดยสารที่ประตู15 ส่วนเคาน์เตอร์ให้เช่ารถอยู่ที่ประตู9-14
นายเพ็ชร กล่าวต่อว่า นอกจากระบบขนส่งสาธารณะแล้ว สนามบินดอนเมืองได้จัดพื้นที่บริเวณชั้น4 อาคารผู้โดยสารอาคาร2 ด้านทิศเหนือ เพื่อให้บริการห้องพักขนาดเล็กเรียกว่า “Sleep Box” มีทั้งหมด 25 ห้อง ขณะนี้เสร็จ 5 ห้อง แต่ละห้องมีพื้นที่ 15 ตารางเมตรพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกและห้องน้ำภายในห้อง พร้อมมีห้องอาบน้ำให้บริการ รวมทั้งบริการไว-ไฟ ค่าบริการชั่วโมงละ 400บาท เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารที่ต้องรอขึ้นเครื่องหรือเที่ยวบินล่าช้า หรือต้อง การพักผ่อนใช้พื้นที่ส่วนตัว โดยบริการห้องพักนี้โรงแรมมิราเคิลเป็นผู้ได้รับสัมปทานซึ่งเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์
นอกจากนี้ ที่อาคาร2 ได้ติดตั้งระบบการตรวจกระเป๋าสัมภาระระบบใหม่ “Inline Baggage Screening System” ซึ่งผู้โดยสารไม่จำเป็นต้องผ่านขั้นตอนนำกระเป๋าสัมภาระผ่านเครื่องเอ็กซเรย์ก่อนเข้ากระบวนการตรวจบัตรโดยสารของสายการบิน ซึ่งผู้โดยสารสามารถเริ่มกระบวนการตรวจบัตรโดยสารที่เคาน์เตอร์ตรวจบัตรโดยสารของสายการบินได้เลย โดยกระเป๋าสัมภาระจะถูกวางลงบนสายพานลำเลียงกระเป๋าเพื่อเข้าไปยังห้องตรวจสัมภาระ ผู้โดยสารจะต้องตรวจดูกระเป๋าสัมภาระของตนเองผ่านหน้าจอโทรทัศน์วงจรปิดหน้าห้องตรวจสัมภาระ บริเวณท้ายเคาน์เตอร์ตรวจบัตรโดยสาร หากกระเป๋าสัมภาระไม่มีวัตถุต้องห้ามจะถูกลำเลียงขึ้นเครื่อง แต่ถ้าตรวจพบวัตถุต้องห้ามสัมภาระจะถูกนำออกจากสายพานเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบวัตถุในกระเป๋าอีกครั้ง
นายประสงค์ พูนธเนศ ประธานกรรมการ (บอร์ด) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) กล่าวว่า หลังเปิดใช้อาคารผู้โดยสาร2 เพื่อรองรับการเดินทางภายในประเทศอย่างเป็นทางการ ทอท.คาดการณ์ว่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่ขยายจากเดิม 6,000 ตารางเมตร เป็น 16,000ตารางเมตร ด้วยจำนวนร้านค้า 267 ร้าน คาดว่าจะทำรายได้จากพื้นที่เชิงพาณิชย์เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงในภาพรวมผลการดำเนินงานของ ทอท. ในปีนี้ จากสัญญาณการเดินทาง และการท่องเที่ยว คาดการณ์ว่าจะส่งผลให้ ทอท. สามารถทำรายได้ และกำไรในปีนี้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมากกว่าปีก่อนที่ทำกำไร18,000 ล้านบาท.