ธอส.เพิ่มวงเงินกู้บ้านคนจน 2.5 หมื่นล้าน
ธอส. ปิดโครงการสินเชื่อบ้านคนมีรายได้น้อยในสิ้นเดือนนี้ หลังยอดแสดงความจำนงของผู้กู้ใกล้ทะลุ 20,000 ล้านบาท และจะเพิ่มให้อีก 5,000 ล้านบาท รวมแล้วไม่เกิน 25,000 ล้านบาท
นายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล ประธานกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ภายในสิ้นเดือนม.ค.นี้ ธนาคารจะปิดโครงการมาตรการส่งเสริมการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยแก่ผู้มีรายได้น้อย หลังจากที่วงเงินกู้แตะระดับ 25,000 ล้านบาท จากวงเงินก้อนแรกที่ตั้งเอาไว้ 10,000 ล้านบาทได้ปล่อยกู้ไปแล้ว และล่าสุดเมื่อปลายเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการธนาคาร (บอร์ด) ได้ขยายวงเงินเพิ่มอีก 10,000 ล้านบาท เป็น 20,000 ล้านบาทก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของประชาชน โดยในสัปดาห์หน้าจะขยายวงเงินเพิ่มอีก 5,000 ล้านบาท รวมเป็นวงเงินทั้งหมด 25,000 ล้านบาท
“ล่าสุดมีประชาชนแสดงความจำนงยื่นกู้กับธนาคาร 19,000 ล้านบาท หรือ 13,700 ราย และได้รับการอนุมัติสินเชื่อไปแล้ว 9,740 ล้านบาท หรือ 13,740 ล้านราย เฉลี่ยกู้รายละ 1.4 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนการปล่อยกู้ในต่างจังหวัด 60% และกรุงเทพฯ 40% แสดงให้เห็นว่า อัตราการเพิ่มขึ้นของเงินกู้ในโครงการมีอยู่อย่างต่อเนื่องและมีนัยสำคัญ บอร์ดจึงมีความเห็นว่า ควรที่จะปิดโครงการภายในสิ้นเดือนนี้ โดยกำหนดกรอบวงเงินเอาไว้ไม่เกิน 25,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ ยังเหลือเวลาอีก 10 วันทำการที่ประชาชนยังสามารถยื่นเรื่องของกู้กับธนาคารได้”
นอกจากนี้ ธอส. ยังนำร่องโครงการบ้านประชารัฐร่วมกับกรมธนารักษ์ โดยได้ข้อสรุปเรื่องที่ดินชัดเจนแล้วจำนวน 1 แปลง ขนาดพื้นที่ 7 ไร่ จากทั้งหมด 30 ไร่ ที่ถนนช้างคลาน จังหวัดเชียงใหม่ โดยจะสร้างคอนโดมิเนียมจำนวน 500 ยูนิต สำหรับข้าราชการ โดย ธอส.เป็นผู้ปล่อยกู้โครงการแล้วจ้างให้เอกชนก่อสร้างจนเสร็จ ในขณะเดียวกัน ธอส. ก็จะปล่อยกู้ให้แก่รายย่อยในวงเงิน 100% ของราคาซื้อขายจริง เพื่อแจ้งเกิดโครงการบ้านประชารัฐให้สำเร็จ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างนำเรื่องดัง กล่าวเสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณา
นายสุรชัย กล่าวว่า มาตรการเพื่อส่งเสริมการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยแก่ผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล ที่ช่วยให้ผู้มีรายได้น้อย และปานกลางได้มีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยได้ในวงเงินกู้ที่สูงขึ้นเพียงพอต่อการซื้อบ้าน ให้กู้สำหรับผู้ที่มีรายได้สุทธิไม่เกิน 30,000 บาทต่อเดือน หรือวงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท ธนาคารจะใช้เงื่อนไขผ่อนปรนในการพิจารณาสัดส่วนความสามารถชำระหนี้ต่อรายได้ (Debt Service Ratio หรือ DSR) เพิ่มเป็น 40-50% ของรายได้สุทธิต่อเดือน อัตราดอกเบี้ยปีแรกเท่ากับ 3.50% ต่อปี ปีที่ 2 อัตราดอกเบี้ย 4.25% ต่อปี ปีที่ 3 จนถึงตลอดอายุสัญญา กรณีลูกค้าสวัสดิการ อัตราดอกเบี้ย เอ็มอาร์อาร์ –1.00% ต่อปี และกรณีลูกค้ารายย่อยทั่วไป อัตราดอกเบี้ยเอ็มอาร์อาร์–0.75% ต่อปี (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเอ็ยอาร์อาร์ เท่ากับ 6.75% ต่อปี)