ตลาดรถมือสองพุ่ง 15-20%
วันที่ 1 ม.ค. 2558 โครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่ ที่เก็บจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ CO2 นอกจากจะส่งผลให้ราคารถยนต์ใหม่ แพงขึ้นแล้ว ยังส่งผลราคารถยนต์มือสอง โดยคาดว่า ตลาดรถยนต์มือสองน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 10-15%
“ราคารถยนต์มือ 2 จะปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 10-15% เป็นผลมาจากโครงสร้างภาษีรถใหม่ที่ทำให้ราคารถยนต์ปรับเพิ่มขึ้น 20,000-200,000 บาท ทำให้คนหันมาซื้อรถยนต์มือ 2 กันมากขึ้น เนื่องจากราคาไม่แพงมากนักหากเทียบกับรถยนต์ใหม่” นายวิสิทธิ์ พึ่งพรสวรรค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซ็นเตอร์ ออโต้ ลีส จำกัด หรือแคล ในฐานะผู้ให้บริการสินเชื่อรถยนต์ ในกลุ่มธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ระบุว่า
“ที่ผ่านมาเราเห็นสภาพตลาดของรถยนต์มือสองเริ่มเปลี่ยนไป เพราะผลการประชุมของรถยนต์ในแต่ละครั้งพบว่า ตลาดรถเก่าเริ่มมีความคึกคักมากขึ้น เดิมที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวก่อนหน้านี้ ทำให้ตลาดเกิดภาวะซบเซา”
นายวิสิทธิ์ กล่าวว่า จากสภาพตลาดปัจจุบัน ทำให้ราคารถยนต์มือสอง เริ่มมีการปรับราคาเพิ่มขึ้น ประมาณ 15-20% ขณะที่ยอดการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อปี 59 จะอยู่ที่ 8,000-8,500 ล้านบาท หรือเติบโต 15-20% จากปี 58 อยู่ที่ 7,000 ล้านบาท
โดยในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ต.ค.) ยอดการปล่อยสินเชื่ออยู่ที่ 6,400 ล้านบาท เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ จากที่ต้นปีตั้งไว้ว่า สินเชื่อปล่อยใหม่ในปีนี้ อยู่ที่ 5,300 ล้านบาท เป็นผลมาจากบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับเต็นท์รถขนาดใหญ่ในการทำตลาดเช่าซื้อทั่วประเทศมากขึ้น และเน้นกลุ่มมนุษย์เงินเดือน จากเดิมที่เน้นกลุ่มเกษตร และอาชีพอิสระทำให้ยอดปล่อยสินเชื่อดีเกินกว่าแผนที่วางไว้
นายณรงค์ ศรีจักรินทร์ รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การประกาศใช้โครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่ ทำให้ราคาประมูลรถเก่าเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา จากเดิมที่ราคารถยนต์มือ 2 หดตัวลงประมาณ 30-40% แต่ขณะนี้ราคาเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติหรือทรงตัว และแนวโน้มจะสูงขึ้นบ้าง เนื่องจากความต้องการรถยนต์ซื้อรถยนต์มือ 2 ยังมีอยู่ ส่วนรถยนต์ใหม่นั้น ช่วงปลายปีผู้ประกอบการก็หวังว่ายอดขายจะดีขึ้นจากต้นปีที่ชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา
“ปีหน้า เราคาดว่า ภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว และรัฐบาลมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ มากขึ้นจะช่วยกระตุ้นเศรษบกิจในประเทศ” นายณรงค์ กล่าว และกล่าวว่า
“ความต้องการซื้อรถยนต์น่าจะยังมีอย่างต่อเนื่อง เพราะถือเป็นปัจจัยที่ 5 โดยเฉพาะรถที่ใช้งานในภาคธุรกิจ เพราะรถกระบะเมื่อเวลาอันสมควร ก็ต้องเปลี่ยนใหม่ถือเป็นเรื่องธรรมดา”
ขณะที่ภาพรวมของตลาดรถยนต์ในปีนี้จะอยู่ที่ 750,000-800,000 คัน และปีหน้าจะอยู่ที่ 850,000-900,000 คัน
ส่วนแผนการปล่อยสินเชื่อของธนาคารยังตั้งเป้าหมายไว้ที่ 70,000 ล้านบาทเท่ากับปีนี้ เนื่องจากต้องรอดูภาวะเศรษฐกิจในช่วงต้นปีก่อนว่าจะฟื้นตัวมากน้อยแค่ไหน ขณะที่พอร์ตสินเชื่อคงค้างปัจจุบันอยู่ที่ 170,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรถใหม่ 55% รถมือ 2 สัดส่วน 25% และที่เหลือ 20% เป็นมายคาร์มายแคช แต่สัดส่วนปีหน้าอาจจะเพิ่มรถยนต์มือ 2 แต่เป็นเท่าใดนั้นขอรอดูภาวะตลาดรวมก่อน