บอร์ดPPPผุดแรงจูงใจดึงเอกชนลงทุนเพื่อสังคม
บอร์ด PPP นำร่อง 2 โครงการเพื่อสังคม “ศูนย์การแพทย์ – ที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ” มูลค่ารวมกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท หวังใช้เป็นแนวทางหนุนเอกชนร่วมลงทุน เผยจ่อใช้มาตรการส่งเสริมการลงทุน เปิดช่องเอกชนทำกำไรจากโครงการอื่น
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP) ครั้งที่ 3/2562 เมื่อช่วงเช้าวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา ณ ห้องวายุภักษ์ 4 กระทรวงการคลัง โดยนายประภาศ คงเอียด ผอ.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และเลขานุการคณะกรรมการพีพีพี ว่า ที่ประชุมฯได้พิจารณาความเหมาะสมของหลักการของโครงการศูนย์การแพทย์
กระทรวงสาธารณสุข ของกรมการแพทย์ มูลค่ารวมกว่า 8,200 ล้านบาท ถือเป็นโครงการ PPP เชิงสังคมในกิจการด้านสาธารณสุขโครงการแรก โดยเป็นโรงพยาบาลศูนย์บริการทางการแพทย์และสาธารณสุข ขนาด 510 เตียง ตั้งอยู่บริเวณสถานีกลางบางซื่อ
มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มีคุณภาพ โดยมีบริการทางการแพทย์เฉพาะทางที่ครอบคลุม ในอัตราค่ารักษาพยาบาลที่เข้าถึงได้ และช่วยลดความแออัดในการใช้บริการในโรงพยาบาลรัฐ ซึ่งเป็นการร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP Gross Cost โดยเอกชนเป็นผู้ลงทุนก่อสร้างและบำรุงรักษาอาคาร และจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ทั้งหมด และรัฐจะเป็นผู้บริหารและให้บริการรักษาพยาบาลแก่ผู้ใช้บริการ ระยะเวลาสัญญา 30 ปี และได้เร่งรัดให้พิจารณาความชัดเจนในรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการให้การสนับสนุนภาคเอกชน โดยเฉพาะมาตรการ BOI ด้านภาษี และประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับโครงการจากการให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุน
นอกจากนี้ คณะกรรมการ PPP ได้พิจารณาความเหมาะสมของหลักการของโครงการเคหะชุมชนเชียงใหม่ (หนองหอย) ของการเคหะแห่งชาติ (กคช.) มูลค่ารวมกว่า 5,500 ล้านบาทโดยเป็นโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ และมีโรงพยาบาลหรือกิจการด้านดูแลรักษาสุขภาพ และศูนย์การค้าชุมชน เพื่อเป็นส่วนสนับสนุนให้โครงการที่อยู่อาศัยมีคุณภาพมากขึ้น บนเนื้อที่รวม 52 ไร่ บริเวณ ต.หนองหอย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ มี วัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต สร้างทางเลือกด้านที่พักอาศัยให้แก่ผู้สูงอายุ รวมทั้งเพื่อรองรับในการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
โดยเป็นรูปแบบที่ กคช. ให้เอกชนเช่าที่ดิน เพื่อดำเนินการลงทุนออกแบบ ก่อสร้าง บริหารจัดการและบำรุงรักษาโครงการ ระยะเวลาสัญญา 30 ปี และได้เร่งรัดให้พิจารณาความชัดเจนในรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรูปแบบธุรกิจที่เอกชนจะมีส่วนทำให้โครงการประสบความสำเร็จ
ทั้ง 2 โครงการเป็นการนำร่องโครงการที่เกี่ยวกับการให้บริการเชิงสังคม เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานของโครงการอื่นๆ ในอนาคต แต่เนื่องจากการโครงการที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการเชิงสังคม อาจไม่สร้างผลกำไรจากการดำเนินงานให้กับภาคเอกชนมากนัก แม้ในหลักการแล้ว ที่ประชุมคณะกรรมการพีพีพีจะเห็นด้วยกับข้อเสนอของทั้งกรมการแพทย์ และกคช. แต่เพื่อให้เกิดความรอบคอบและชัดเจนจึงให้ทั้ง 2 หน่วยงานกลับไปพิจารณาโครงการเพื่อให้มีความเหมาะสม ก่อนนำเข้ากลับสู่ที่ประชุมคณะกรรมการPPP ต่อไป ในส่วนของของคณะกรรมการ PPP อาจพิจารณาแรงจูงใจด้านอื่นๆ โดยเฉพาะมาตรการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ เพื่อให้เอกชนที่ร่วมทุนในโครงการที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการเชิงสังคมได้มีโอกาสสร้างผลกำไรจากโครงการอื่นๆ ต่อไป
ด้านนายธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการ กคช. กล่าวภายหลังเข้ายื่นเสนอโครงการก่อสร้างเคหะชุมชนเชียงใหม่ (หนองหอย) ขนาดพื้นที่ 52 ไร่ แยกเป็นโซนอาคารชุดสำหรับพักอาศัย 31 ไร่ โรงพยาบาลขนาด 330 เตียง 11 ไร่ ที่เหลืออีก 10 ไร่ เป็นโครงการศูนย์การค้า ต่อที่ประชุมคณะกรรมการ PPP ว่า ที่ประชุมฯได้พิจารณาแล้ว มอบหมายให้ กคช. กลับไปดำเนินการปรับปรุงแก้ไขใน 2 ประเด็น คือ การบริหารจัดการโครงการฯ และรายละเอียดของการลงทุน โดยเฉพาะขนาดพื้นที่ของโรงพยาบาลอาจไม่คุ้มค่าและไม่จูงใจให้เอกชนเข้าลงทุน ทั้งนี้ กคช.จะกลับไปหารือกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เพื่อดำเนินการแก้ไขทั้ง 2 ประเด็น พื่อนำกลับเข้ามาเสนอต่อที่ประชุมฯอีกครั้ง จากนั้นจึงจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) คาดว่าจะสามารถดำเนินการก่อสร้างได้ราวเดือน มี.ค.63
“เราต้องกลับไปปรับแผนงานร่วมกับสคร.ใหม่อีกครั้ง โดยอาจปรับสัดส่วนพื้นที่ของอาคารชุดฯเพิ่มขึ้นจากเดิม 31 ไร่ แต่ส่วนตัวมองว่า โครงการที่ได้พิจารณาร่วมกับภาคเอกชนมาแล้ว นั่นหมายความว่าเอกชน พร้อมจะรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้น และการลงทุนในโครงการฯนี้ กคช. ได้เข้าร่วมทุนโดยใช้ที่ดินขนาด 52 ไร่ ใน ต.หนองหอย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ที่มีมูลค่าตลาดราว 2,400 ล้านบาท ซึ่งการปรับเปลี่ยนสัดของโครงการก่อสร้าง
สำหรับอาคารชุดฯดังกล่าว เป็นโครงการความสูงขนาด 5 ชั้น ขนาดพื้นที่ห้อง 44 ตร.ม. รวม 896 ยูนิตๆ ละ 1.45 ล้านบาท คิดค่าบริการส่วนกลาง 3,000 บาทต่อเดือน.