อีไอซีคาดส่งออกปีนี้จะหดตัว 5%
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ และธุรกิจธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ EIC เผยคาดการณ์ยอดการส่งออกของไทยในปีนี้จะหดตัวถึง 5% ภายหลังกระทรวงพาณิชย์รายงานยอดการส่งออกในเดือนกันยายนหดตัว 5.5%
ภายหลังจากกระทรวงพาณิชย์รายงานมูลค่าการส่งออกไทยเดือนกันยายนหดตัวเป็นเดือนที่9โดยอยู่ที่ 18,815.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง 5.5%YOY ส่งผลให้ในไตรมาส 3 มูลค่าการส่งออกของไทยหดตัวแล้วกว่า 5.3%YOY ด้านการนำเข้าเดือนกันยายนปรับลดลงกว่า 26.2%YOY มาอยู่ที่16,021.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้ในไตรมาส 3 มูลค่านำเข้าลดลงกว่า 15.3%YOY ทั้งนี้ มูลค่าการนำเข้าที่ลดลงรุนแรงส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้ากว่า 2,794 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มากสุดในรอบ 5 ปี และทำให้ในไตรมาส 3 ไทยเกินดุลการค้ารวมทั้งสิ้น 4,285.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ และธุรกิจธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ EIC วิเคราะห์ว่า มูลค่าการส่งออกของไทยในเดือนกันยายนยังคงได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันโลกที่หดตัวต่อเนื่องและปัญหาเชิงโครงสร้างของการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ โดยราคาน้ำมันดิบดูไบลดลงราว 54% ในเดือนกันยายนเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนหน้า ทั้งนี้ราคาน้ำมันโลกที่ยังคงมีทิศทางลดลงได้ส่งผลถึงมูลค่าการส่งออกสินค้าที่เชื่อมโยงกับน้ำมัน อย่างน้ำมันสำเร็จรูป และเคมีภัณฑ์และพลาสติกให้ลดลงราว 46%YOY และ 21%YOY ตามลำดับ อีกทั้งราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกที่ตกต่ำยังส่งผลกระทบให้การส่งออกสินค้าเกษตรของไทยให้หดตัวลง โดยมูลค่าการส่งออกยางพาราหดตัวลง 7.4%YOY และข้าวลดลง 28.8%YOY ส่วนหนึ่งจากการเร่งระบายข้าวในปี 2014 ของรัฐบาล นอกจากนี้ การส่งออกคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบหดตัวลงอีก 5.2%YOY ในเดือนกันยายน เนื่องจากการส่งออกสินค้าที่ล้าสมัย ด้านการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าของไทยถูกกดดันต่อเนื่องด้วยการย้ายฐานการผลิตของโทรทัศน์และส่วนประกอบ โดยมูลค่าการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าของไทยหดตัว 5.7%YOY
การส่งออกรถยนต์และส่วนประกอบเป็นสินค้าหนึ่งในไม่กี่ประเภทที่ขยายตัวกว่า20%YOY ในเดือนกันยายน โดยมูลค่าการส่งออกรถยนต์ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 จากการส่งออกรถยนต์นั่งที่เพิ่มขึ้นกว่า144%YOY ในเดือนกันยายน โดยในเดือนกันยายนการส่งออกรถยนต์นั่งไปยังตลาดหลักอย่าง ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ญี่ปุ่นและตะวันออกกลาง ขยายตัวในระดับสูง ประกอบกับการส่งออกรถยนต์นั่งไปยังตลาดใหม่ เช่น สหภาพยุโรปและอเมริกาใต้เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว โดยเฉพาะการส่งออกไปยังสหภาพยุโรปที่เพิ่มขึ้น 118%YOY จากความต้องการรถยนต์อีโคคาร์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ มูลค่าการส่งออกน้ำตาลในเดือนกันยายนก็ขยายตัวกว่า 13.1%YOY จากปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้นกว่า 50%YOY
เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวยังคงกดดันการส่งออกของไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยมูลค่าการส่งออกของไทยไปยังจีนกลับมาหดตัวในเดือนกันยายนที่ 1.7%YOY ทั้งนี้ เศรษฐกิจจีนที่ชะลอลงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจคู่ค้าอื่นๆ ของไทย โดยเฉพาะการส่งออกไปยังอาเซียน 5 และญี่ปุ่นที่มีสัดส่วนราว 27% ของการส่งออกทั้งหมดของไทย โดยในเดือนกันยายนการส่งออกไปยังตลาดดังกล่าวลดลงอีก 20.1%YOY และ 6.9%YOY ตามลำดับ ด้านการส่งออกไปยังสหภาพยุโรปได้รับผลกระทบจากการถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษี GSP ส่งผลให้การส่งออกไปตลาดยุโรปลดลงราว 8%YOY ในเดือนกันยายน อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นทำให้มูลค่าการส่งออกของไทยไปยังสหรัฐฯ กลับมาขยายตัวอีกครั้งที่ 1.1%YOY ในขณะที่การส่งออกไปยังตลาด CLMV ยังขยายตัวต่อเนื่องที่ 4.7%YOY
มูลค่าการนำเข้าหดตัวรุนแรงในเดือนกันยายนจากราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์โลกที่ลดลง อีกทั้งการนำเข้าสินค้าทุนที่กลับมาหดตัว มูลค่าการนำเข้าที่ไม่รวมทองคำหดตัวราว 23%YOY ในเดือนกันยายน จากมูลค่าการนำเข้าน้ำมันดิบลดลงกว่า 46%YOY ตามทิศทางราคาน้ำมันโลก นอกจากนี้ มูลค่าการนำเข้าในเดือนกันยายนยังถูกกระทบจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ทำให้มูลค่าการนำเข้าวัตถุดิบ (ที่ไม่รวมทองคำ) ลดลงกว่า 19%YOY อีกทั้ง การนำเข้าสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบินและเรือกลับมาหดตัวอีกครั้งกว่า 11.7%YOY จากการนำเข้าเครื่องจักรกลและส่วนประกอบที่หดตัวราว 18%YOY และเครื่องจักรไฟฟ้าที่หดตัวราว 6%YOY สะท้อนให้เห็นถึงภาคการผลิตในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัว ทั้งนี้ ด้วยราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์โลกที่ยังคงมีทิศทางชะลอลงส่งผลให้ไทยยังคงเกินดุลการค้าถึง 2,794 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนกันยายน สูงสุดในรอบปี และในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ไทยเกินดุลการค้าแล้วกว่า 7,758.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งดุลการค้าที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปีนี้จะเป็นปัจจัยช่วยให้ไทยมีดุลบัญชีเดินสะพัดสูงสุดเป็นประวัติการณ์
อีไอซีคาดมูลค่าการส่งออกปีนี้จะหดตัวประมาณ 5%YOY ในขณะที่ปีหน้ามีโอกาสกลับมาขยายตัวเล็กน้อยที่ 0-2%YOY มูลค่าการส่งออกไทยใน 9 เดือนแรกของปีนี้หดตัวลงแล้วประมาณ 5%YOY จากราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ตกต่ำ เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อไปยังประเทศคู่ค้าสำคัญอื่นๆ ของไทย อีกทั้งปัญหาเชิงโครงสร้างระยะยาวในการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ล้าสมัยและปัญหาการย้ายฐานผลิตออกจากไทยไปยังเวียดนาม โดยปัจจัยเหล่านี้จะยังกดดันการส่งออกของไทยทั้งปี 2015 ให้ลดลงประมาณ 5%YOY อย่างไรก็ดี ในปี 2016 อีไอซีคาดว่ามูลค่าการส่งออกของไทยจะกลับมาขยายตัวได้เพียงเล็กน้อย จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป อีกทั้งการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามอุปสงค์ในประเทศที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมถึง ค่าเงินบาทที่มีทิศทางอ่อนค่าลงในปีหน้าจะช่วยผลักดันการส่งออกของไทยในระยะต่อไป