ไทยเทเงิน 4.5 พันล้านสร้างถนนพุน้ำร้อน-ทวาย
![](https://aec10news.com/wp-content/uploads/2019/05/gms.jpg)
ประเทศไทยกำลังรอความชัดเจน ภายหลังจากประเทศเมียนมามีการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ เพื่อขยาย และซ่อมแซมถนนเส้นบ้านพุน้ำร้อน-ทวาย มูลค่า 4,500 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้รถยนต์สามารถวิ่งบนถนนแห่งนี้ได้เร็วขึ้น จากปัจจุบันเป็นทางลูกรังใช้เวลา 4 ชั่วโมงเหลือเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น
นายเนวิน สินสิริ ผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อน (สพพ.) หรือเนด้า ปัจจุบันถนนเส้นนี้มีการเดินรถอยู่แล้ว แต่เป็นเส้นทางที่ลำบาก โดยเฉพาะเส้นที่ต้องวิ่งบนภูเขาและในช่วงฤดูฝน แต่หากรัฐบาลไทยอนุมัติงบประมาณจำนวน 4,500 ล้านบาท เพื่อลงทุนพัฒนาถนนเส้นนี้ จาก 2 เลน เป็น 4 เลน ระยะทาง 134 กิโลเมตร จากบ้านน้ำพุร้อน จังหวัดกาญจนบุรี ไปยังเมืองทวาย ซึ่งท่าเรือน้ำลึกแห่งใหม่ของประเทศเมียนมา ก็จะทำให้ความฝันในการเชื่อมสองฝั่งมหาสมุทรคือ แปซิฟิก และอินเดียได้สำเร็จ
สำหรับความคืบหน้าล่าสุดของการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกทวาย ล่าสุดทางรัฐบาลญี่ปุ่นพร้อมที่จะเข้าร่วมลงทุนกับรัฐบาลไทย และรัฐบาลเมียนมาเรียบร้อยแล้ว โดยทั้ง 3 ประเทศตกลงที่จะถือหุ้นในโครงการทวายเท่าๆ กัน ประเทศละ 33.3% เพื่อก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกบน พื้นที่ทั้งหมด 197 ตารางกิโลเมตร ซึ่งจะมีทั้งท่าเรือน้ำลึก นิคมอุตสาหกรรม โรงผลิตไฟฟ้า น้ำประปา และถนนเพื่อเชื่อมโยงมหาสมุทรแปซิฟิก และอินเดีย ซึ่งจะเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจได้อย่างมากมาย โดยคาดว่า โครงการท่าเรือน้ำลึกทวายในระยะเวลาอีก 30 ปีข้างหน้า จะต้องใช้เงินลงทุนมากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 350,000 ล้านบาทถึงจะทำให้โครงการเสร็จสมบูรณ์
ผู้อำนวย เนด้า กล่าวว่า งบประมาณในการก่อสร้างถนน 4,500 ล้านบาท นับว่า มีมูลค่าที่สูงมาก แต่หากถนนเส้นนี้สร้างเสร็จ ก็จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่เศรษฐกิจไทยอย่างมหาศาล เพราะเส้นทางนี้ จะเป็นสายเลือดใหญ่ในการขนส่งสินค้าตั้งแต่ปูนซีเมนต์ เหล็ก และอื่นๆ จากไทยเพื่อนำไปใช้ก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกที่ทวายก่อนเป็นอันดับแรก หลังจากนั้นเมื่อถนนก่อสร้างเสร็จแล้ว ความเจริญอื่นๆ ทั้งคน อุปกรณ์ และสิ่งของก็จะทยอยตามไปที่หลัง
“คลังเห็นด้วยเนด้าแล้วว่า ควรที่จะก่อสร้างถนนเส้นนี้ โดยรูปแบบการลงทุนเบื้องต้น น่าจะใช้เงินจากงบประมาณทั้งหมด แต่หากรัฐบาลเห็นว่า ควรเห็นให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน หรือพีพีพี เราก็พร้อม เพราะเส้นทางนี้ จะมีการเก็บค่าธรรมเนียมในการใช้เส้นทางด้วย”
แต่ความฝันเป็นจริงได้มากน้อยแค่ไหน รัฐบาลไทยก็ต้องรอผลการเลือกตั้งทั่วไปในประเทศเมียนมาที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 พ.ย.นี้ เพื่อให้รัฐบาลใหม่รับรอง และอนุมัติโครงการทั้งหมด
ส่วนกรณีของบริษัท อิตาเลียนไทยนั้น ล่าสุดก็จะได้รับสิทธิในการพัฒนาที่ดินที่ครอบครองคือ 27 ตารางกิโลเมตร จากทั้งหมด 197 ตารางกิโลเมตรของโครงการทวาย เพื่อพัฒนาเป็นนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ต่อไป