สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 10 ธ.ค. 68
1. สรุปสถานการณ์น้ำ และสภาพอากาศวันนี้ : ความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนเริ่มมีกำลังอ่อนลง ส่งผลให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้น สำหรับภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง เนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน
คาดการณ์ : ในช่วงวันที่ 11 – 13 ธ.ค. 68 หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่างจะเคลื่อนผ่านปลายแหลมญวน อ่าวไทย และภาคใต้ ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักหลายพื้นที่และฝนตกหนักมากบางแห่ง
สำหรับในช่วงวันที่ 14 – 15 ธ.ค. 68 ภาคใต้ตอนล่างยังคงมีฝนตกหนักหลายพื้นที่อย่างต่อเนื่อง บริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น
2. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 89% ของความจุเก็บกัก (71,661 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 82% (47,537 ล้าน ลบ.ม.) มากกว่าปี 2567 จำนวน 6,370 ล้าน ลบ.ม.
3. คุณภาพน้ำ ณ จุดเฝ้าระวัง แม่น้ำสายหลัก
น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค แม่น้ำเจ้าพระยา ณ สถานีสูบน้ำสำแล จ.ปทุมธานี อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
น้ำเพื่อการเกษตร แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำแม่กลอง และแม่น้ำบางปะกง อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
4. ประกาศสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ : สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ประกาศเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำท่วมขัง ภาคใต้ ช่วงวันที่ 11 – 15 ธันวาคม 2568 เนื่องจากอิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ประกอบกับลมตะวันออกจะพัดปกคลุมบริเวณอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน ได้แก่ จ.นครศรีธรรมราช (อ.เมืองนครศรีธรรมราช พรหมคีรี ลานสกา เชียรใหญ่ ชะอวด ท่าศาลา ปากพนัง ร่อนพิบูลย์ สิชล หัวไทร พระพรหม นบพิตำ และเฉลิมพระเกียรติ) จ.พัทลุง (อ.เมืองพัทลุง กงหรา เขาชัยสน ตะโหมด ควนขนุน ศรีบรรพต บางแก้ว ป่าพะยอม และศรีนครินทร์) จ.สงขลา (อ.เมืองสงขลา สะบ้าย้อย ระโนด กระแสสินธุ์ และสะเดา) จ.ตรัง (อ.ย่านตาขาว) จ.ปัตตานี (อ.หนองจิก ปะนาเระ มายอ ทุ่งยางแดง สายบุรี ยะหริ่ง ยะรัง และกะพ้อ) จ.ยะลา (อ.เบตง ธารโต บันนังสตา และรามัน) และ จ.นราธิวาส (อ.ตากใบ และสุไหงปาดี)
5. ข่าวประชาสัมพันธ์ : วานนี้ (9 ธ.ค. 68) นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการ รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่าปริมาณน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยามีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากช่วงปลายฤดูฝนที่ผ่านมา เขื่อนหลักทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำเกือบเต็มความจุ สทนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้ร่วมกันบริหารจัดการน้ำอย่างใกล้ชิด โดยกำหนดอัตราการระบายน้ำของเขื่อนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ท้ายน้ำ และรักษาปริมาณน้ำต้นทุนให้เพียงพอสำหรับการใช้น้ำในฤดูแล้งนี้
ด้านสถานการณ์น้ำที่เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ระบายน้ำในอัตรา 1,180 ลบ.ม. ต่อวินาที และปรับลดการระบายน้ำเหลืออัตรา 1,050 ลบ.ม. ต่อวินาที โดยจะทยอยปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง คาดว่าช่วงวันที่ 21 – 22 ธ.ค. 68 การระบายน้ำจะอยู่ในเกณฑ์ 700 ลบ.ม. ต่อวินาที นี้ พร้อมกันนี้ สทนช. ร่วมกับกรมชลประทานเร่งระบายน้ำออกจากทุ่งลุ่มต่ำที่เป็นพื้นที่หน่วงน้ำในช่วงน้ำหลาก โดยทุ่งฝั่งซ้ายคลองชัยนาท – ป่าสัก สิ้นสุดการระบายน้ำแล้ว ในส่วนทุ่งบางระกำและ 10 ทุ่งเจ้าพระยาตอนล่าง ยังมีน้ำคงเหลือรวม 1,352 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 79.25 ของพื้นที่ทั้งหมด และยังคงระบายน้ำออกอย่างต่อเนื่องในอัตรา 25 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน จนกว่าจะคงเหลือน้ำในทุ่งรวมประมาณ 493 ล้าน ลบ.ม. เพื่อสำรองไว้ใช้ในการเตรียมเพาะปลูกข้าวนาปรังและพืชฤดูแล้ง ซึ่งคาดว่าจะเริ่มได้ตั้งแต่เดือนมกราคม 69
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 9 ธ.ค. 68


