สรุปข่าวประจำวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568
สรุปข่าวประจำวัน “อนุทิน” ปาดน้ำตาเยี่ยมทหารเหยียบทุ่นระเบิด : นายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล เดินทางเยี่ยมทหาร 4 นายที่บาดเจ็บจากเหตุเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวนในพื้นที่ชายแดนศรีสะเกษ หนึ่งในนั้นบาดเจ็บขาขาด นายกฯ ให้กำลังใจถึงข้างเตียง พร้อมยืนยันรัฐบาลจะดูแลอย่างดีที่สุด ทั้งค่ารักษา การทำกายภาพ และจัดทำขาเทียมให้ครบถ้วน ระหว่างเยี่ยม นายกฯ มีสีหน้าเศร้าและน้ำตาคลอ พร้อมสอบถามอาการผู้บาดเจ็บด้วยความห่วงใย ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงรับทหารทั้ง 4 นายไว้เป็นผู้ป่วยในพระบรมราชานุเคราะห์ ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
สรุปข่าวประจำวัน

อนุทิน เยี่ยมภูมะเขือ :
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ลงพื้นที่ฐานปฏิบัติการอินทุมาน (ภูมะเขือ) รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดน จากนั้นได้ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของกองพันทหารราบที่ 11 โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าเดินทางมาวันนี้มาเยี่ยม และให้กำลังใจ พร้อมกับกล่าวย้ำว่า “พวกเราจะไม่ทิ้งกัน จะไม่ยอมเสียดินแดน ขอให้ยึดมั่นและให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของทุกคนเป็นลำดับสูงสุด” โดยนายกรัฐมนตรีให้ความมั่นใจว่า รัฐบาลจะดำเนินการแก้ไขปัญหาทุกอย่างด้วยความรอบคอบและเร็วที่สุด
การเมืองร้อนระอุ :
เป็นไปอย่างที่คิดไว้ ไม่มีผิดว่า ในคณะรัฐมนตรีชุดนี้ รัฐมนตรีสายล่อฟ้า คงหนีไม่พ้น ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ถึงวันนี้ ผู้กองธรรมนัส โดนเล่นงานหนักจากฝ่ายค้าน นำโดยพรรคประชาชน ในข้อกล่าวหาที่ว่า มีส่วนพัวพันกับแก๊งค์สแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ เชื่อมโยงกับธุรกิจสีเทา แคมเปญ “มีเรา-ไม่มีเทา” ของพรรคประชาชน ที่เตรียมไว้สำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า ถูกทดลองกับร้อยเอกธรรมนัส แล้วในเวลานี้
นั่นเป็นเผือกร้อน ของ นายกฯหนู อนุทิน ชาญวีรกุล ว่าจะบริหารจัดการสถานการณ์ที่รัฐบาลโดนโจมตี เพราะรัฐมนตรีคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนสำคัญในฐานะแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลได้อย่างไร
หุ้น ตปท.-ไทย :
ปิดตลาด (11 พ.ย. ) ดัชนีดาวโจนส์ ปิด 47,927.96 จุด เพิ่มขึ้น 559.33 จุด (1.18%) แนสแดก ปิดที่ 25,533.49 จุด ลดลง 78.25 จุด (0.31%) แอสแอนด์พี ปิดที่ 6,846.61 จุด เพิ่มขึ้น 14.18 จุด (0.21%) ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย ปิดตลาดที่ 1,300.47 จุด ลดลง 5.79 จุด (0.44%) มูลค่า 32,340.64 ล้านบาท
ทองคำขึ้น 1,050 บาท :
ราคาทองคำเมื่อวันที่ (11 พ.ย.) มีประกาศของสมาคมค้าทองคำ ราคาทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 63,400.00 บาท ขายออกบาทละ 63,400.00 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 62,125.68 บาท ขายออกบาทละ 64,300.00 บาท ราคาทองคำขึ้น 1,050 เมื่อเทียบกับวันที่ 10 พ.ย.
เงินบาทแข็งค่า :
สำหรับค่าเงินบาทเทียบเงินสกุลโลก วานนี้ (11 พ.ย.) โดยธนาคารแห่งประเทศไทย กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารพาณิชย์ โดยให้เงินบาทมีค่า 32.5485 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ 43.0211 บาทต่อ 1 ปอนด์, 37.7527 บาทต่อ 1 ยูโร, 21.3212 บาท ต่อ 100 เยน, 4.2050 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ฮ่องกง ,กำหนดค่าเงินบาทที่ 25.1450 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ และ 7.8794 ต่อ 1 ริกิ

ยืนยันเป็นทุ่นระเบิดใหม่ :
พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ออกมายืนยันกรณึทหารเหยียบกับระเบิด แม้ว่าในกรณีดังกล่าวทางกัมพูชาจะได้ออกมาระบุว่าเป็นทุ่นระเบิดเก่าจากสงครามในอดีต แต่ผลจากการตรวจพิสูจน์หลักฐานยืนยันได้ว่า เป็นการลักลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิดใหม่ในพื้นที่เขตไทย และยังมีการตรวจพบทุ่นระเบิดอีกจำนวน 3 ทุ่น ในบริเวณใกล้เคียง การกระทำดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ฝ่ายกัมพูชาขาดความจริงใจในการปฏิบัติตามข้อตกลงที่ได้ลงนามร่วมกันไว้ และละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ส่งผลให้กระบวนการขับเคลื่อนสันติภาพระหว่างประเทศต้องยุติลงกลางคัน

มภท.2 เยี่ยมทหารบาดเจ็บ :
พลโท วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางไปยังโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเยี่ยมอาการและให้กำลังใจกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณห้วยตามาเรีย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 4 นาย มอบเงินบำรุงขวัญจากกองทัพบก และมอบเงินบำรุงขวัญในนามกองทัพภาคที่ 2 เพื่อเป็นขวัญ กำลังใจแก่กำลังพลและครัว
“ผบ.ทบ.” ยุติข้อตกลงไทย-กัมพูชา :
จากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ที่มีความตึงเครียดเพิ่มขึ้น ภายหลังเหตุการณ์ที่มี กำลังพลเหยียบทุ่นระเบิด พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้แสดงจุดยืนของกองทัพบกว่า “ความจริงได้ปรากฏอย่างชัดเจนแล้วว่า ท่าทีแห่งความเป็นปรปักษ์ยังคงอยู่ กองทัพบกจำเป็นต้องยุติทุกข้อตกลง เพื่อรักษาสิทธิในการป้องกันตนเองจากการถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรม”

เขื่อนภูมิพลวิกฤต รับน้ำ 99% ใกล้เต็มความจุ :
นายภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า เขื่อนภูมิพลมีน้ำใกล้เต็มความจุ คาดอีก 2 วันจะเต็ม จึงต้องผันน้ำเข้าทุ่งเพื่อลดการระบายจากเขื่อนสิริกิติ์ ช่วยบรรเทาพื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ซึ่งยังคงระบายน้ำอยู่ 2,900 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้คันกั้นน้ำชัยนาทพังยาวหลายจุด น้ำทะลักท่วมหลายพื้นที่ ขณะที่อ่างทองและพระนครศรีอยุธยายังอ่วมหนัก น้ำท่วมถนนหลายสายและชุมชนหลายจุด รัฐบาลเร่งติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด พร้อมเยียวยาประชาชนและพิจารณามาตรการช่วยเหลือพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก เช่น ป่าโมกและอยุธยา ด้านกรมชลประทานรายงานว่าอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่มีน้ำรวมกว่า 91% ของความจุ โดย 5 แห่งเกินความจุแล้ว เจ้าหน้าที่เร่งเฝ้าระวังและช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ทั่วภาคกลาง

กกพ. คาดสรุป Direct PPA ภายในสิ้นปีนี้ :
นายพูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. ระบุความคืบหน้าของโครงการการซื้อขายพลังงานโดยตรงระหว่างผู้ผลิตพลังงานและผู้ใช้พลังงาน (Direct Power Purchase Agreement : Direct PPA) มีความก้าวหน้าไปมาก โดยขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการใน 3 ส่วนสำคัญ คือ ส่วนแรก คือการประกาศ หลักเกณฑ์การดำเนินงาน ซึ่งได้ผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการนำเสนอให้คณะกรรมการ กกพ. (บอร์ด กกพ.) พิจารณาและทบทวนรายละเอียดของหลักเกณฑ์ดังกล่าว
ส่วนที่สอง คือการ กำหนดอัตราซื้อ–ขายไฟฟ้า ซึ่งได้เปิดรับฟังความคิดเห็นวันสุดท้ายวันที่ 10 พ.ย.68 และอยู่ในขั้นตอนการนำเสนอให้คณะกรรมการ กกพ. พิจารณาเช่นเดียวกัน
ส่วนที่สาม คือประเด็นทางเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับ TPA Code (Third Party Access Code) สำหรับการเชื่อมต่อระบบสายส่งของทั้ง 3 การไฟฟ้า ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ,การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ซึ่งขณะนี้ได้รับข้อคิดเห็นและข้อสรุปร่วมกันจากทั้ง 3 หน่วยงานแล้ว หลังจากนี้จะเป็นขั้นตอนการนำเสนอความเห็นของ กกพ. ต่อ คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ซึ่งมีนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน
ทั้งนี้ กกพ. กำลังทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขยายขีดความสามารถในการรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้า จากกระแสการลงทุนของ Data Center ที่เข้ามาในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี คาดว่าภายในสิ้นเดือนนี้ จะมีความชัดเจนเกี่ยวกับอัตราการซื้อขายไฟฟ้า และภายในปลายปี 2568 จะได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการของโครงการ Direct PPA โดยคาดว่าจะสามารถเห็นรายชื่อผู้ใช้บริการได้ในช่วง ต้นปี 2569
ฟิลิปปินส์ออกฎคุมเข้มสุกรนำเข้า :
กระทรวงเกษตรฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า ฟิลิปปินส์ได้ออกระเบียบข้อบังคับใหม่ เพื่อเสริมสร้างการป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ควบคู่กับการรับรองความปลอดภัยในการนำเข้าสุกรและผลิตภัณฑ์เนื้อสุกร ฟรานซิสโก ติอู ลอเรล รัฐมนตรีกระทรวงเกษตร เปิดเผยว่า แนวปฏิบัติใหม่นี้ได้นำเรื่องการแบ่งเขตพื้นที่ควบคุม ป้องกัน และเฝ้าระวังโรค ASF มาใช้ ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานขององค์การสุขภาพสัตว์โลก (WOAH)
จีนเผยยอดขาย NEV พุ่งแรงในช่วง 10 เดือนแรก :
สมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งประเทศจีน (CAAM) เปิดเผยในวันอังคาร (11 พ.ย.) ว่า ภาคส่วนรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ของจีนมีการเติบโตที่แข็งแกร่งทั้งในด้านการผลิตและการขายในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2568 CAAM ระบุว่า ยอดการผลิตรถยนต์ NEV พุ่งสูงขึ้น 33.1% เมื่อเทียบรายปี แตะระดับเกือบ 13.02 ล้านคัน ในช่วง 10 เดือนแรก ขณะที่ยอดขายของในช่วงเวลาเดียวกันเพิ่มขึ้น 32.7% จากปีก่อนหน้า แตะที่ 12.94 ล้านคัน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 46.7% ของยอดขายรถยนต์ใหม่ทั้งหมดในประเทศจีน
เกาหลีใต้ไฟเขียวเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจก :
รัฐบาลเกาหลีใต้อนุมัติเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศลง 53-61% จากระดับปี 2561 ภายในปี 2578 ในการประชุมวานนี้ (11 พ.ย.) โดยประธานาธิบดีอี แจ-มยอง เน้นย้ำว่า การเปลี่ยนผ่านสู่สังคมที่เป็นกลางทางคาร์บอนเป็น “ทางเลือกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้” สำหรับการเติบโตที่ยั่งยืน การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นในระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีซึ่งมีปธน.อีเป็นประธาน โดยเป็นการรับรองเป้าหมายการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (NDC) สำหรับปี 2578 ซึ่งมากกว่าข้อเสนอเบื้องต้นของรัฐบาลเล็กน้อย ที่กำหนดให้ลดการปล่อยก๊าซที่อัตราระหว่าง 50-60% หรือ 53-60%

ตะลึง! :
สวยทุกชุดจริงๆ สำหรับชุดเจ้าสาวของ ใหม่ ดาวิกา ที่เปลี่ยนให้เห็นหลายชุดมาก ซึ่งแต่ละชุดนั้นก็เข้ากับ ใหม่ ดาวิกา ทุกชุดเลย และอีกหนึ่งชุดที่ไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ เพราะว่าสะดุดตามากๆ ทำเอาตะลึงไปเลยชุดนี้ เพราะมาในธึมชุดลูกไม้สายเซ็กซี่ แหวกอก ซีทรู ใครเห็นก็ต้องกดไลก์ให้กับความสวย เต็มสิบไปเลย

“กรณ์ ณรงค์เดช” เปิดใจทั้งน้ำตา :
ศาลอาญารัชดาอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีโอนหุ้นบริษัท วินด์ เอนเนอยี่ (WEH) มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท โดยใช้เอกสารปลอม ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลชั้นต้นได้ยกฟ้องไปเมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2568 ล่าสุดศาลอุทธรณ์มีคำสั่งลงโทษจำคุก คุณหญิงกอแก้ว บุญยะจินดา และ นายณพ ณรงค์เดช คนละ 2 ปี ไม่รอลงอาญา หลังพบว่ามีความผิดจริง ด้าน นายกรณ์ ณรงค์เดช บุตรชายคนเล็กของนายเกษม ณรงค์เดช ผู้ก่อตั้งกลุ่ม KPN เปิดใจทั้งน้ำตา ขอบคุณศาลและกระบวนการยุติธรรมที่มอบความเป็นธรรมให้ครอบครัว พร้อมเผยว่า “สิ่งที่อยากทำที่สุดคือกลับไปกราบเท้าคุณพ่อ เพราะคุณพ่อพูดเสมอว่าความจริงมีหนึ่งเดียว และวันนี้ความจริงได้ปรากฏแล้ว”
กวาด 5 แชมป์ :
ทีมชาติไทยโชว์ฟอร์มร้อนแรง กวาด 5 แชมป์จากศึกยิงปืนรณยุทธนานาชาติ “ซีซ่า ครั้งที่ 47” ที่ชลบุรี ด้านสมาคมฯ เชื่อมั่นศักยภาพนักกีฬา พร้อมลุยซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ตั้งเป้าคว้า 4 เหรียญทองตามเป้า
สคม. เร่งเครื่องผุด ‘วีซ่ามวยไทย” :
สำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย (สคม.) เดินหน้ายกระดับและต่อยอดโครงการ Muaythai for all ด้วยการกระตุ้นให้ค่ายมวยทั่วประเทศเข้าร่วม “ระบบวีซ่ามวยไทย” เพื่อก้าวสู่การเป็นค่ายมวยมาตรฐานสากล เปิดประตูต้อนรับชาวต่างชาติให้เข้ามาศึกษาศิลปะการต่อสู้ประจำชาติ พร้อมสร้างอาชีพและเพิ่มรายได้ให้แก่คนในอุตสาหกรรมมวยไทยตั้งแต่ระดับรากหญ้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : มติ สมช.เห็นชอบระงับปฏิบัติตามถ้อยแถลง ไทย-กัมพูชา จนกว่าสถานการณ์คลี่คลาย



