GISTDA เตือน นนทบุรี-ปทุมฯ-กทม. เสี่ยงน้ำท่วมหนัก
เจ้าพระยาท่วมตามคาด GISTDA ชี้ภาพจากดาวเทียมยืนยัน พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมใน “นนทบุรี–ปทุมธานี–กรุงเทพฯ” ถูกน้ำท่วมจริง พร้อมเตือนให้ประชาชนเฝ้าระวังเมื่อการระบายน้ำแตะ 2,900-3,000 ลบ.ม./วินาที ผลกระทบอาจขยายวงกว้าง / ข้อมูล 7 วันย้อนหลังทั้งประเทศท่วมแล้วกว่า 2.39 ล้านไร่
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เปิดเผยภาพจากดาวเทียมเปรียบเทียบล่าสุด แสดงให้เห็นถึง “ความแม่นยำ” ของแบบจำลองพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมจากการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา ซึ่งก่อนหน้านี้ได้คาดการณ์ไว้ว่าหากมีการปล่อยน้ำในอัตรา 2,700-2,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะทำให้พื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ตั้งแต่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาไล่ลงมาถึงนนทบุรี ปทุมธานี และกรุงเทพมหานคร เกิดน้ำท่วมในหลายจุด


ภาพซ้ายคือการคาดการณ์ – ภาพขวาคือสถานการณ์จริง อ้างอิงข้อมูลดาวเทียมจาก https://disaster.gistda.or.th/flood
จากการเปรียบเทียบภาพแผนที่ทั้งสองด้าน พบว่า “พื้นที่สีแดงและพื้นที่สีส้ม” ซึ่ง GISTDA เคยคาดการณ์ไว้เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2568 ว่าอาจได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำในระดับ 2,700 – 2,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีนั้นได้กลายเป็น “พื้นที่สีฟ้า” ตามแผนที่ ณ ปัจจุบัน (10 พฤศจิกายน 2568) ซึ่งหมายถึงน้ำท่วมจริงในพื้นที่นั้นทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบริเวณพื้นที่บางส่วนของจังหวัดปทุมธานีอย่าง เทศบาลเมืองปทุมธานี เชียงรากใหญ่ เชียงรากน้อย หรือในพื้นที่บางส่วนของจังหวัดนนทบุรีในอำเภอบางกรวย บางบัวทอง ท่าน้ำนนท์ รวมถึงพื้นที่ฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ ตอนบน โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา เช่น เกาะเกร็ด หรือ อำเภอเมืองนนทบุรี ตำบลบางศรีเมือง และบางขนุน หรือแม้แต่กระทั่งพื้นที่บางส่วนของเขตบางพลัดในกรุงเทพมหานคร ซึ่งในขณะนี้น้ำได้เอ่อล้นตลิ่งเข้าสู่บ้านเรือนและเส้นทางสัญจรแล้วในหลายจุด สิ่งที่น่าสนใจคือ จากการคาดการณ์ของ เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์จริง แสดงให้เห็นถึงความแม่นยำของการใช้ข้อมูลจากดาวเทียมและเทคโนโลยีอวกาศผสานกับแบบจำลองภูมิประเทศและข้อมูลการระบายน้ำของกรมชลประทาน ทำให้สามารถประเมินแนวโน้มพื้นที่เสี่ยงได้ล่วงหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการบริหารจัดการภัยพิบัติ โดยเฉพาะในพื้นที่ปลายแม่น้ำเจ้าพระยาที่มักได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำช่วงปลายฤดูฝนของทุกปี สถานการณ์ปัจจุบัน น้ำเหนือยังไม่ลด การระบายน้ำอาจเพิ่ม
ในขณะที่พื้นที่ตอนล่างกำลังรับมวลน้ำเต็มที่ ล่าสุดกรมชลประทานรายงานว่า ปริมาณน้ำเหนือจากจังหวัดนครสวรรค์และชัยนาทยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ย และมีแนวโน้มหลากลงมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เขื่อนเจ้าพระยาจำเป็นต้องเพิ่มอัตราการระบายน้ำขึ้นเป็น 2,900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อรักษาระดับน้ำเหนือเขื่อนไม่ให้เกินจุดวิกฤต หากการระบายน้ำเพิ่มขึ้นถึงระดับดังกล่าวจริง จะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างเพิ่มสูงขึ้นอีกประมาณ 20–30 เซนติเมตร ซึ่งจะกระทบต่อพื้นที่ริมฝั่งเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะจุดที่แนวตลิ่งต่ำหรือแนวป้องกันชำรุด
หน่วยงานท้องถิ่นในหลายพื้นที่ เช่น เทศบาลนครนนทบุรี เทศบาลเมืองปทุมธานี และสำนักงานเขตบางพลัด รวมถึงพื้นที่ที่เป็นจุดเสี่ยงใกล้เคียงอื่นๆ ได้เร่งติดตั้งแนวกระสอบทรายเสริม พร้อมเพิ่มเครื่องสูบน้ำและเฝ้าระวังระดับน้ำตลอด 24 ชั่วโมง ขณะที่ประชาชนที่อาศัยในชุมชนริมน้ำได้รับการแจ้งเตือนให้เคลื่อนย้ายของใช้สำคัญไว้ในที่สูง และเตรียมพร้อมในกรณีระดับน้ำสูงกว่าคาดการณ์
การรับมือและบทเรียน
ด้วยภาพจากดาวเทียมที่มีการเปรียบเทียบในครั้งนี้ ไม่เพียงชี้ให้เห็นถึงสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นตามคาดการณ์เท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึง “ศักยภาพของข้อมูลภูมิสารสนเทศ” ในการวางแผนรับมือภัยพิบัติได้อย่างแม่นยำ การใช้ข้อมูลลักษณะนี้ช่วยให้หน่วยงานส่วนกลางและท้องถิ่นสามารถเตรียมการได้รวดเร็ว ลดผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้มากขึ้น ทั้งนี้ GISTDA ยังระบุด้วยว่า “ได้วางแผนและติดตามภาพถ่ายจากดาวเทียมต่อเนื่องทุกวัน เพื่อประเมินแนวโน้มพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบเพิ่มเติม หากมีการปล่อยน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาในระดับ 2,900 ลบ.ม./วินาที ซึ่งอาจทำให้มวลน้ำขยายเข้าสู่พื้นที่ชั้นในของกรุงเทพฯ มากขึ้น โดยเฉพาะแนวแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก”
ขณะที่ข้อมูล 7 วันย้อนหลังในภาพรวมทั้งประเทศตั้งแต่วันที่ 4-10 พ.ย.68 พบพื้นที่น้ำท่วมแล้วทั้งประเทศ 2,395,366 ไร่ หนักสุดที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 442,519 ไร่ พบบ้านเรือนได้รับผลกระทบ 47,729 หลัง ประชากรได้รับผลกระทบแล้วกว่า 704,610 คน พื้นที่นาข้าวเสียหายแล้ว 371,475 ไร่ โรงเรียนได้รับผลกระทบ 104 แห่ง โรงพยาบาล 3 แห่ง และถนน 1,974 สาย
สิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้ คือ การบูรณาการข้อมูลร่วมของหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง สทนช. GISTDA สสน. กรมชลประทาน และหน่วยงานต่างๆ ทั้งระดับนโยบายและปฏิบัติ เพื่อจัดการมวลน้ำให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ลดผลกระทบและความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน พร้อมสร้างการรับรู้ให้ประชาชนได้เตรียมพร้อมและปรับตัวอย่างทันท่วงที
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : GISTDA ร่วมมือกับ “โครงการชีวานุรักษ์” นำเทคโนโลยีอวกาศติดตามนกกาฮัง


