สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 18 ต.ค. 68

สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ
1. สรุปสถานการณ์น้ำ และปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ : จ.เชียงใหม่ (36 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.นครราชสีมา (69 มม.) ภาคตะวันตก : จ.ประจวบคีรีขันธ์ (65 มม.) ภาคกลาง : กรุงเทพมหานคร (124 มม.) ภาคตะวันออก : จ.จันทบุรี (17 มม.) ภาคใต้ : จ.สุราษฎร์ธานี (147 มม.)
สภาพอากาศวันนี้ : ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทย อ่าวไทย และทะเลอันดามัน ทำให้ประเทศไทยตอนบนและภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองคาดการณ์ : ช่วงวันที่ 19 – 21 ต.ค. 68.ร่องมรสุมเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคใต้ และอ่าวไทย ประกอบกับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทย อ่าวไทย และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลงแต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง
2. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 86% ของความจุเก็บกัก (69,646 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 79% (45,631 ล้าน ลบ.ม.)
3.ประกาศแจ้งเตือน ประกาศสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ฉบับที่ 26/2568 ลงวันที่ 17 ตุลาคม 2568 เรื่อง เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่ภาคใต้ ด้วยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศพบว่า จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในพื้นที่ภาคใต้ ทั้งนี้ สทนช. ได้ประเมินวิเคราะห์สภาพอากาศ สถานการณ์น้ำ และคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรธรณี กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พบว่ามีพื้นที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำ เนื่องจากระบายน้ำไม่ทัน ในช่วงวันที่ 21–25 ตุลาคม 2568 ดังนี้
1. พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมือง ที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำเนื่องจากระบายไม่ทัน บริเวณ จังหวัดระนอง (อำเภอเมืองระนอง สุขสำราญ กะเปอร์ ละอุ่น และกระบุรี) จังหวัดชุมพร (อำเภอละแม ปะทิว พะโต๊ะ และท่าแซะ) จังหวัดภูเก็ต (อำเภอเมืองภูเก็ต ถลาง และกะทู้) จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอกาญจนดิษฐ์ ท่าฉาง บ้านนาสาร และพุนพิน) จังหวัดพัทลุง (อำเภอกงหรา และศรีนครินทร์) จังหวัดพังงา (อำเภอเมืองพังงา กะปง ตะกั่วป่า และท้ายเหมือง) จังหวัดกระบี่ (อำเภอเมืองกระบี่ คลองท่อม ลำทับ และอ่าวลึก) จังหวัดนครศรีธรรมราช (อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ฉวาง ท่าศาลา ทุ่งสง นบพิตำ นาบอน ปากพนัง พรหมคีรี พิปูน ร่อนพิบูลย์ ลานสกา และสิชล) จังหวัดตรัง (อำเภอปะเหลียน ย่านตาขาว ห้วยยอด และสิเกา) จังหวัดสตูล (อำเภอเมืองสตูล ควนโดน ทุ่งหว้า และละงู) จังหวัดสงขลา (อำเภอกระแสสินธุ์ นาทวี รัตภูมิ สะเดา สะบ้าย้อย และหาดใหญ่) จังหวัดยะลา (อำเภอเมืองยะลา กาบัง ธารโต บันนังสตา เบตง และยะหา) และจังหวัดนราธิวาส (อำเภอสุคิริน แว้ง จะแนะ และศรีสาคร)
2. เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ของความจุเก็บกักบริเวณ จังหวัดระนอง สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต กระบี่ และอ่างเก็บน้ำที่มีสถิติปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำมากกว่าความจุเก็บกัก ที่มีความเสี่ยงน้ำล้นอ่างฯ และส่งผลกระทบให้น้ำท่วมบริเวณด้านท้ายน้ำ
3. เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ำล้นตลิ่งและท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ บริเวณแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาของ คลองชุมพร แม่น้ำหลังสวน แม่น้ำตาปี คลองชะอวด คลองลำ คลองท่าแนะ แม่น้ำตรัง แม่น้ำสายบุรี และแม่น้ำปัตตานี
4.คุณภาพน้ำ ณ จุดเฝ้าระวัง แม่น้ำสายหลัก น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค แม่น้ำเจ้าพระยา ณ สถานีสูบน้ำสำแล จ.ปทุมธานี อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานน้ำเพื่อการเกษตร แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำแม่กลอง และแม่น้ำบางปะกง อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 17 ต.ค. 68