สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 20 ก.ย. 68

1. สรุปสถานการณ์น้ำ และปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ : จ.กำแพงเพชร (223) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.หนองบัวลำ (108) ภาคตะวันตก : จ.กาญจนบุรี (32 มม.) ภาคกลาง : จ.สิงห์บุรี (72 มม.) ภาคตะวันออก : จ.ตราด (47 มม.) ภาคใต้ : จ.ชุมพร (77)
สภาพอากาศวันนี้ : มร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่งโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ เลย ชัยภูมิ นครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด
คาดการณ์ : ช่วงวันที่ 21 – 24 ก.ย. 68 ร่องมรสุมจะเลื่อนขึ้นไปพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักมากบริเวณภาคตะวันออก
2. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 77% ของความจุเก็บกัก (61,759 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 65% (37,6378 ล้าน ลบ.ม.)
3. ข่าวประชาสัมพันธ์ : ววานนี้ (19 ก.ย. 68) ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า จากการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อปรึกษาหารือการติดตามสภาพอากาศ สถานการณ์น้ำ และการคาดการณ์และวางแผนเตรียมการรองรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น โดยกรมอุตุนิยมวิทยาร่วมกับ สสน. ประเมินสถานการณ์ฝน พบว่า พายุโซนร้อน “มิแทก” (Mitag) กำลังเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งบริเวณด้านตะวันออกของประเทศจีนตอนใต้ โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าประเทศไทย แต่จากอิทธิพลของพายุดังกล่าวส่งผลให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้ช่วงวันที่ 19–22 ก.ย. 68 บริเวณพื้นที่ดังกล่าวจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง จากนั้นในช่วงวันที่ 25–28 ก.ย. 68 ร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ประกอบกับมีแนวโน้มจะเกิดพายุอีกในช่วงเวลาเดียวกัน จะส่งผลให้มีปริมาณฝนเพิ่มขึ้นในพื้นที่ดังกล่าว
จากกรณีข้างต้น ที่ประชุมได้ประเมินสถานการณ์และพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา พบว่า ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำภูมิพล ปริมาณน้ำ 78% ของความจุเก็บกัก อัตราการระบาย 10 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) ต่อวัน อ่างฯ สิริกิติ์ ปริมาณน้ำ 88% ของความจุเก็บกัก อัตราการระบาย 20 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน ปริมาณน้ำไหลผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาที่สถานี C.2 จ.นครสวรรค์ อยู่ที่ 2,171 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาที มีแนวโน้มลดลง และมีปริมาณน้ำจากแม่น้ำสะแกกรังมาสมทบที่อัตรา 293 ลบ.ม. ต่อวินาที โดยระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ 16.70 เมตร และได้มีการแบ่งการระบายน้ำออกทางฝั่งตะวันออกและตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างเต็มศักยภาพ ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยายังคงอัตราการระบายอยู่ที่ 2,200 ลบ.ม. ต่อวินาที ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นควรคงการระบายน้ำที่อ่างฯ ภูมิพล และอ่างฯ สิริกิติ์ ในอัตราเดิม เพื่อให้เขื่อนเจ้าพระยายังรักษาอัตราการระบายน้ำอยู่ที่ 2,200 ลบ.ม. ต่อวินาที จนถึงวันที่ 22 ก.ย. 68 เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายเขื่อนในระยะนี้ โดยจะต้องมีการติดตามสถานการณ์น้ำและปริมาณฝนเป็นรายวันเพื่อเตรียมพร้อมปรับแผนการระบายให้สอดรับกัน จากนั้นจะมีการประชุมร่วมกันเพื่อประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงอีกครั้งในวันที่ 22 ก.ย. 68 เพื่อวางแผนรับมือปริมาณฝนและพายุจรที่คาดว่าจะเกิดอีกครั้งในช่วงวันที่ 25 – 28 ก.ย. 68
สำหรับสถานการณ์น้ำในพื้นที่กลุ่มลุ่มน้ำชี-มูล ยังคงต้องเฝ้าระวังเนื่องจากขณะนี้อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น จึงต้องวางแผนปรับเพิ่มการระบายน้ำในแต่ละอ่างฯ เพื่อช่วยรักษาความปลอดภัยของอ่างฯ และเพิ่มพื้นที่ว่างรองรับฝนในช่วงปลายเดือน ก.ย. 68 โดยต้องวางแผนป้องกันกรณีฝนตกหนักและปริมาณน้ำจากลุ่มน้ำชีและลุ่มน้ำมูลไหลไปสมทบกันที่ จ.อุบลราชธานี จนส่งผลกระทบให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ได้ โดย สทนช. ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์และประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในวันที่ 19–21 ก.ย. 68 เพื่อเตรียมการรองรับสถานการณ์ในพื้นที่ลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ ลุ่มน้ำชี และลุ่มน้ำมูล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 19 ก.ย. 68