สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 28 ส.ค. 68

1. สรุปสถานการณ์น้ำ และปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ : จ.น่าน (161 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.มุกดาหาร (96 มม.) ภาคตะวันตก : จ.กาญจนบุรี (43 มม.) ภาคกลาง : สุพรรณบุรี (12 มม.) ภาคตะวันออก : จ.สระแก้ว (46 มม.) ภาคใต้ : จ.นราธิวาส (87 มม.)
สภาพอากาศวันนี้ : ร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา ตอนบนของภาคเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย และน่าน
คาดการณ์ : ช่วงวันที่ 28 -29 ส.ค. 68 ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก เนื่องจากจะมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง
2. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 67% ของความจุเก็บกัก (53,582 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 51% (29,462 ล้าน ลบ.ม.)
สทนช. ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ เพื่อรองรับปริมาณน้ำที่อาจเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูฝน โดยเน้นการลดความเสี่ยงจากอุทกภัยและเตรียมความพร้อมในทุกภาคส่วน พร้อมทั้งสร้างการรับรู้แก่ประชาชน ประชาสัมพันธ์การแจ้งเตือน และจัดเตรียมมาตรการช่วยเหลือผ่านช่องทางต่าง ๆ อย่างทั่วถึงและทันท่วงที
3. พื้นที่ประสบอุทกภัย : วันที่ 27 ส.ค. 68 เกิดสถานการณ์อุทกภัย ในพื้นที่ 11 จ. 27 อ. ได้แก่ จ.เชียงใหม่ (อ.เมืองเชียงใหม่ แม่แจ่ม และแม่ออน) จ.แม่ฮ่องสอน (อ.เมืองแม่ฮ่องสอน ปางมะผ้า ขุนยวม และแม่สะเรียง) จ.ลำปาง (อ.แม่เมาะ แม่ทะ และงาว) จ.น่าน (อ.นาหมื่น) จ.แพร่ (อ.วังชิ้น เมืองแพร่ เด่นชัย สูงเม่น และลอง) จ.อุตรดิตถ์ (อ.น้ำปาด และท่าปลา) จ.เพชรบูรณ์ (อ.หนองไผ่ และหล่มเก่า ) จ.เลย (อ.นาแห้ว) จ.บึงกาฬ (อ.เมืองบึงกาฬ) จ.นครพนม (อ.ธาตุพนม) และ จ.พระนครศรีอยุธยา (อ.เสนา ผักไห่ บางบาล และบางไทร)
4. ข่าวประชาสัมพันธ์ : วานนี้ (27 ส.ค. 68) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้พายุ “คาจิกิ” อ่อนกำลังลงและสลายตัวเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมภาคเหนือแล้ว อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้หน่วยงานเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เนื่องจากปริมาณน้ำจากฝนที่ตกสะสมจะไหลลงไปสู่ลุ่มน้ำต่าง ๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำยม – น่าน ที่ระดับน้ำมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากมวลน้ำใน อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ ได้ไหลลงมาสมทบกับลำน้ำน่านบริเวณท้ายเขื่อนสิริกิติ์ ประกอบกับระดับน้ำในแม่น้ำยมที่ จ.แพร่ ได้เริ่มทยอยเพิ่มสูงขึ้น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และกรมชลประทาน จึงได้หารือร่วมกันเพื่อพิจารณาการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนสิริกิติ์ให้เหมาะสมโดยเบื้องต้นได้ปรับลดการระบายน้ำเหลือ 40 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน จากเดิม 50 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน ตั้งแต่วันที่ 26 – 31 ส.ค. 68 และยังคงติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องเพื่อปรับแผนการระบายน้ำให้สอดคล้องกับแต่ละช่วงเวลามากที่สุด พร้อมทั้งได้มีการบริหารจัดการเขื่อนในลุ่มน้ำให้มีความสอดคล้องกัน ทั้งเขื่อนสิริกิติ์และเขื่อนผาจุก จ.อุตรดิตถ์ เขื่อนนเรศวร จ.พิษณุโลก โดยปัจจุบันเขื่อนผาจุกมีการระบายน้ำผ่านเขื่อนในอัตรา 580 ลบ.ม. ต่อวินาที และเขื่อนนเรศวร มีการระบายน้ำผ่านเขื่อนในอัตรา 835 ลบ.ม. ต่อวินาที เพื่อช่วยลดผลกระทบให้แก่พื้นที่การเกษตรด้านท้ายน้ำใน อ.เมืองอุตรดิตถ์ ตรอน และพิชัย จ.อุตรดิตถ์ รวมถึงพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำของ จ.พิษณุโลก และ จ.พิจิตร ที่ได้รับผลกระทบจากระดับน้ำในแม่น้ำน่านล้นตลิ่ง สำหรับสถานการณ์ในลุ่มน้ำเจ้าพระยา วานนี้มีปริมาณน้ำไหลผ่านที่ จ.นครสวรรค์ 1,598 ลบ.ม. ต่อวินาที ซึ่งลดลงจากเมื่อวันที่ 26 ส.ค. 68 ที่มีน้ำไหลผ่านในอัตรา 1,615 ลบ.ม. ต่อวินาที ทางด้านเขื่อนเจ้าพระยา ยังคงอัตราการระบายน้ำ 1,300 ลบ.ม. ต่อวินาที โดยได้เน้นย้ำให้กรมชลประทานแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ด้านท้ายน้ำได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 27 ส.ค. 68