กรมศุลกากร จับกุมสินค้าผิดกฎหมาย มูลค่ากว่า 88 ล้านบาท

กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง ตรวจเข้มทุกมิติ พบการลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ บุหรี่ต่างประเทศและบุหรี่ไทย ตู้คีบตุ๊กตา เครื่องสำอางไม่มีใบอนุญาต สินค้ากระเป๋า รองเท้า หมึกเครื่องพิมพ์ ละเมิดสิทธิ์เครื่องหมายการค้าต่างๆ รวมถึงสกัดกั้นสินค้าที่เข้าข่ายเป็นความผิดภายใต้อนุสัญญาบาเซล โดยคิดเป็นมูลค่าการจับกุมและความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 88 ล้านบาท
นายสุรชาติ เทียนทอง ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายพลนชชา จักรเพ็ชร ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในการแถลงข่าว กรมศุลกากรจับกุมสินค้าผิดกฎหมาย มูลค่ากว่า 88 ล้านบาท พร้อมด้วยนายดิเรก คชารักษ์ รองอธิบดีกรมศุลกากร นายวุฒิ เร่งประดุงทอง ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง นางสาวดุจดาว คุณปิติลักษณ์ รักษาการผู้อำนวยการส่วนควบคุมทางศุลกากร สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง นางฟ้า เลิศหงิม ผู้อำนวยการส่วนสืบสวนปราบปราม 1 กองสืบสวนและปราบปราม นายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ ผู้อำนวยการกองคดีภาษีอากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ ณ สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี

นายสุรชาติ เทียนทอง ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ภายใต้นโยบายของนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้กำชับให้กรมศุลกากรดำเนินการปราบปรามสิ่งผิดกฎหมายทุกรูปแบบอย่างจริงจัง โดยมุ่งเน้นการปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายที่ส่งผลต่อสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชน และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะในเขตพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นท่าเรือขนาดใหญ่ และมีความสำคัญทางเศรษฐกิจในด้านการนำเข้าและส่งออกสินค้า รวมถึงในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ทำให้ในช่วง 3 เดือน ของไตรมาสที่ 3 ในปีงบประมาณ 2568 สามารถจับกุม บุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ 120,000 ชิ้น บุหรี่ต่างประเทศและบุหรี่ไทย 2,300,000 มวน ตู้คีบตุ๊กตา 200 ตู้ เครื่องสำอางไม่มีใบอนุญาต 17,000 ชิ้น สินค้ากระเป๋า รองเท้า หมึกเครื่องพิมพ์ ละเมิดสิทธิ์เครื่องหมายการค้าต่าง ๆ 9,000 ชิ้น รวมถึงสกัดกั้นสินค้าที่เข้าข่ายเป็นความผิดภายใต้อนุสัญญาบาเซล 1,300 ตัน โดยคิดเป็นมูลค่าการจับกุมและความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 88 ล้านบาท
ด้านนายดิเรก คชารักษ์ รองอธิบดีกรมศุลกากร กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมศุลกากรได้ดำเนินการทำลายตู้คีบตุ๊กตาและส่วนประกอบที่ลักลอบนำเข้าโดยฝ่าฝืนกฎหมายศุลกากรและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง จำนวน 189 ตู้ มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ซึ่งเป็นของกลางที่คดีถึงที่สุดแล้วโดยวิธีบดทำลาย เพื่อป้องกันไม่ให้หมุนเวียนเข้าสู่ตลาดหรือถูกนำไปใช้ในลักษณะผิดกฎหมายอีกครั้ง

ทั้งนี้ กรมศุลกากร จะเดินหน้าปราบปรามการกระทำผิดทางกฎหมายต่อไปอย่างเข้มงวด โดยเร่งขยายการใช้เทคโนโลยี AI และเครื่องเอกซเรย์สำหรับตู้สินค้านำเข้าและส่งออก เข้ามาช่วยในการตรวจสอบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรร่วมกับตัวแทนสิทธิ์เครื่องหมายการค้าในไทย ทำการจับกุมสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้าจำนวนมาก จึงขอให้ประชาชนตรวจสอบสินค้าและบริการต่าง ๆ ให้ละเอียด หากพบข้อสงสัยที่เกี่ยวกับกรมศุลกากร สามารถติดต่อมาได้ที่สายด่วน 1164
นายสุรชาติ กล่าวต่ออีกว่า รัฐบาลและกระทรวงการคลัง ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภายในประเทศ และการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานระหว่างประเทศ ประกอบกับการทำงานเชิงรุก และมีมาตรการในการป้องกันและปราบปรามอย่างจริงจัง เป็นผลให้เกิดการจับกุมสินค้าผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้แก่ผู้ประกอบการที่สุจริต อันจะเป็นประโยชน์ต่อการค้าของไทย และเพื่อภาพลักษณ์ทางเศรษฐกิจต่อนักลงทุนต่างประเทศ ตลอดจนเพื่อปกป้องความมั่นคงและปลอดภัยของประชาชนของประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : กรมศุล จับชาวแคนาดา ซุกเฮโรอีนออกนอกประเทศ มูลค่า 1 ล้านบาท