สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 7 มิ.ย. 68

1. สรุปสถานการณ์น้ำ และปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ : จ.เชียงราย (67 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.อุดรธานี (65 มม.) ภาคตะวันตก : จ.ราชบุรี (57 มม.) ภาคกลาง : จ.สมุทรสาคร (61 มม.) ภาคตะวันออก : จ.จันทบุรี (43 มม.) ภาคใต้ : จ.สุราษฎร์ธานี (88 มม.)
วันนี้ :. ร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบนและประเทศลาวตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ ภาคตะวันออก และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง
คาดการณ์ : ช่วงวันที่ 8 – 12 มิ.ย. 68 ร่องมรสุมกำลังปานกลางจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออก เฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลางและมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ ภาคตะวันออกและอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
2. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 56% ของความจุเก็บกัก (45,207 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 36% (21,090 ล้าน ลบ.ม.)
3. ข่าวประชาสัมพันธ์ : ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ร่วมประชุมกับสถาบันสิ่งแวดล้อมสตอกโฮล์ม (SEI) ประเทศสวีเดน ระหว่างวันที่ 4-5 มิ.ย. 68 เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเน้นความร่วมมือในระดับภูมิภาคและนานาชาติ ซึ่ง สทนช. ได้หารือกับสำนักงานเพื่อความร่วมมือ เพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสวีเดน (SIDA) เพื่อหารือแนวทางความร่วมมือในอนาคต โดยเน้นถึงโอกาสในการสนับสนุนโครงการที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำ การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการเสริมสร้างขีดความสามารถให้กับชุมชนในระดับพื้นที่ โดยเฉพาะปัญหาเรื่องคุณภาพน้ำในลุ่มน้ำกก จ.เชียงราย ซึ่งต้องอาศัยกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศเข้ามาจัดการประเด็นปัญหาคุณภาพน้ำข้ามพรมแดน และบูรณาการผ่านกรอบความร่วมมือที่มีอยู่แล้วของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ให้สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าและในอนาคตได้อย่างยั่งยืน
ในโอกาสนี้ สทนช. ยังได้เข้าร่วมแลกเปลี่ยนผลงานด้านวิทยาศาสตร์ (SEI Science Forum) และผลงานการวิจัย เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการจัดการน้ำ นำไปสู่การประยุกต์ใช้งานจริง อาทิ การศึกษาแบบองค์รวมและครบวงจรในระดับลุ่มน้ำ ชุมชนและความเชื่อมโยงในมิติต่างๆ รวมถึงการศึกษาศักยภาพในพื้นที่ทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ เพื่อป้องกันและจัดการสารปนเปื้อนน้ำผิวดินและน้ำใต้ดิน โดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย สามารถพัฒนาต่อยอดและประยุกต์ใช้กับประเทศไทย ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง สทนช. และ SEI
นอกจากนี้ ยังได้นำกระบวนการวางแผนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและระดับน้ำทะเลหนุนจากโครงการปรับปรุงประตูระบายน้ำ Slussen รวมถึงประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องในอีก 100 ปีข้างหน้า ซึ่งต้องคำนึงถึงแหล่งผลิตและคุณภาพน้ำดื่มที่สะอาด มาประยุกต์และปรับใช้ให้เข้ากับบริบทของประเทศไทยอีกด้วย
สำหรับความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญในการยกระดับบทบาทของไทยในการขับเคลื่อนการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนในเวทีภูมิภาคและนานาชาติ และเปิดโอกาสให้ สทนช. ได้ประสานความร่วมมือกับสถาบันวิจัยชั้นนำและผู้สนับสนุนระดับโลกเพื่อผลักดันนโยบายเชิงวิชาการสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมในประเทศ
ข่าวที่เกี่ขวข้อง :