สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 2 มิ.ย. 68

สรุปสถานการณ์น้ำ และปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ : จ.เชียงใหม่ (105 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.ศรีสะเกษ (42 มม.) ภาคตะวันตก : จ.กาญจนบุรี (23 มม.) ภาคกลาง : กรุงเทพมหานคร (30 มม.) ภาคตะวันออก : จ.ตราด (78 มม.) ภาคใต้ : จ.นครศรีธรรมราช (63 มม.)
วันนี้ : มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่
คาดการณ์ : ช่วงวันที่ 3 – 7 มิ.ย. 68 ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่ง เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคใต้ฝั่งตะวันตก
คุณภาพน้ำ ณ จุดเฝ้าระวัง แม่น้ำสายหลัก : น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค แม่น้ำเจ้าพระยา ณ สถานีสูบน้ำสำแล จ.ปทุมธานี อยู่ใน เกณฑ์มาตรฐานน้ำเพื่อการเกษตร แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำแม่กลอง และแม่น้ำบางปะกง อยู่ใน เกณฑ์มาตรฐาน
สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 56% ของความจุเก็บกัก (44,752 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 36% (20,684 ล้าน ลบ.ม.)
สทนช. ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ เพื่อรองรับปริมาณน้ำที่อาจเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูฝน โดยเน้นการลดความเสี่ยงจากอุทกภัยและเตรียมความพร้อมในทุกภาคส่วน พร้อมทั้งสร้างการรับรู้แก่ประชาชน ประชาสัมพันธ์การแจ้งเตือน และจัดเตรียมมาตรการช่วยเหลือผ่านช่องทางต่าง ๆ อย่างทั่วถึงและทันท่วงที
ข่าวประชาสัมพันธ์ : ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย นำคณะผู้แทนไทยจากกระทรวงการต่างประเทศและ สทนช. เข้าร่วมการประชุมนานาชาติระดับสูงว่าด้วยการอนุรักษ์ธารน้ำแข็ง (High-Level International Conference on Glacier Preservation) ซึ่งจัดขึ้น ณ กรุงดูชานเบ สาธารณรัฐทาจิกิสถาน ระหว่างวันที่ 29–31 พฤษภาคม 2568 ในโอกาสนี้ เลขาธิการ สทนช. ได้กล่าวในที่ประชุมใหญ่ (Plenary Session) ว่า แม้ประเทศไทยไม่มีธารน้ำแข็ง แต่ได้รับผลกระทบจากการละลายของธารน้ำแข็งผ่านภัยธรรมชาติต่าง ๆ เช่น น้ำทะเลหนุนสูง และความไม่แน่นอนของระบบวัฏจักรน้ำ พร้อมย้ำถึงความมุ่งมั่นของไทยในการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2608 ควบคู่กับการขับเคลื่อนแผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงต่อสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ และแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี ให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) นอกจากนี้ประเทศไทยยังให้ความสำคัญกับความร่วมมือพหุภาคี การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และการสนับสนุนวิทยาศาสตร์ด้านธารน้ำแข็ง ผ่านกิจกรรมรณรงค์ระดับชาติเนื่องใน “วันน้ำโลก” เมื่อวันที่ 21 มีนาคม.2568 ที่ผ่านมา ภายใต้หัวข้อ “การอนุรักษ์ธารน้ำแข็ง” รวมถึงการสนับสนุน “ทศวรรษแห่งการขับเคลื่อนวิทยาศาสตร์ธารน้ำแข็ง” ระหว่างปี 2568–2577 พร้อมยืนยันความพร้อมของไทยในการร่วมมือกับประชาคมโลกเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม แหล่งน้ำ และธารน้ำแข็งของโลกอย่างยั่งยืน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 1 มิ.ย. 68