รัฐบาลยกเลิกดิจิทัล วอเล็ต

นายพิชัย ชุณหวชิร รอนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มีมติทบทวนโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการแจกเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงของการดำเนินการในเฟส 3 และเฟส 4 วงเงินรวม 157,400 ล้านบาท โดยจะนำเงินดังกล่าว ไปในโครงการที่จำเป็นเกี่ยวกับโครงสร้างเศรษฐกิจ ตามข้อเสนอของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปเร่งพิจารณาและนำเสนอโครงการให้คณะกรรมการพิจารณา
“ขอชะลอดิจิทัล วอลเล็ตไปก่อน จนกว่าสถานการณ์จะกลับมาเหมาะสมอีกครั้ง โดยคิดว่าควรจะใช้เงินให้เหมาะสม ตอนนั้น ที่คิดโครงการนี้ คาดว่า เศรษฐกิจจะขยายตัวได้ 3% เงินเฟ้อตามกรอบเป้าหมาย แต่ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยน รัฐบาลจึงใส่วิธีการกระตุ้นเศรษฐกิจในแบบตอนนั้น แต่ตอนนี้ ต้องปรับแผนการใช้เงิน ไม่ได้อยู่ที่ว่ามีเงินหรือไม่มีเงิน”
สำหรับวงเงิน 157,000 ล้านบาท จะนำไปดำเนินการ 6 โครงการ คาดว่าจะสามารถหนุนเศรษฐกิจเติบโต 0.7-1% ได้แก่ โครงการที่เกี่ยวข้องกับน้ำ การบริหารจัดการน้ำ ซึ่งอาจไปอยู่ในปีงบประมาณ 2569-2571 บางส่วน ซึ่งจะได้เงินก้อนที่ใหญ่ขึ้น โครงการด้านคมนาคมโดยทบทวนรถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ ถนน ที่จะต้องแก้ไขปัญหาเร่งด่วน การแก้ไขปัญหารถติด ซึ่งหากแก้ไขด้านการคมนาคมได้ จะส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยวด้วย โครงด้านการท่องเที่ยว ที่จะเข้ามาพิจารณาเกี่ยวกับปัญหาการท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณา ทั้งการท่องเที่ยวเมืองรอง การสร้างสถานที่ท่องเที่ยว เช่น ห้องน้ำ
นอกจากนี้ โครวการอะไรที่เร่งด่วน ก็จะหยิบขึ้นมาพิจารณาก่อน เช่น โครงการช่วยเหลือเพื่อการศึกษาเยาวชน โครงการช่วยเหลือเอสเอ็มแอลที่ได้รับผลกระทบจากการส่งออก พร้อมทบทวนโครงการ การสนับสนุน เสริมสร้าง ศักยภาพกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองอย่างมั่นคง หรือ เอสเอ็มแอล (SML)
สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน ล่าสุดสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัว โดยมีค่ากลางที่ 1.8% ซึ่งยอมรับว่า ในไตรมาสแรกและไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ สถานการณ์จะไม่เลวร้ายมากนัก ขณะที่ไตรมาส 3-4 จะขยายตัวต่ำ ประมาณ 1% เท่านั้น ดังนั้น ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปจากหลายเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อทั้งโลก จึงต้องทบทวนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 2/2568 ว่า เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันมีภาวะผันผวน จากการประกาศนโยบายภาษีศุลกากรตอบโต้ของประเทศมหาอำนาจ ส่งผลกระทบต่อหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย โดยเฉพาะภาคการออกที่พึ่งพาตลาดต่างประเทศ ประกอบกับการจัดเก็บภาษีที่เป็นรายได้ของรัฐบาลคาดว่า ต่ำกว่าเป้าหมาย จึงต้องทบทวนโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาล พร้อมเร่งปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจ สร้างการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว รวมทั้งสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการเอสเอ็มอี
ทั้งนี้ ขอให้ทุกคนร่วมมือกันอย่างเต็มที่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และขอให้พิจารณากันอย่างรอบคอบ เพื่อให้เกิดประโยชน์และปฏิบัติตามข้อกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : รัฐบาลเลื่อนแจกเงินหมื่นบาท