สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 9 มี.ค. 68

1. สรุปสถานการณ์น้ำ และในวันนี้ : ความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางที่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้มีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง
คาดการณ์ : วันที่ 11 – 14 มี.ค. 68 ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อน และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ในภาคเหนือ และภาคกลาง ในขณะที่จะมีแนวพัดสอบของลมตะวันตกเฉียงใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนฟ้าคะนอง กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน จะส่งผลให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง
2. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 66% ของความจุเก็บกัก (53,062 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 50% (28,914 ล้าน ลบ.ม.)
เฝ้าระวังแหล่งน้ำขนาดใหญ่ระดับน้ำต่ำกว่าระดับควบคุมต่ำสุดหรือมีน้ำใช้การน้อยกว่า 30% 5 แห่ง ดังนี้
ภาคเหนือ : แม่มอก
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จุฬาภรณ์ ลำตะคอง และสิรินธร
ภาคตะวันออก : คลองสียัด
เฝ้าระวังแหล่งน้ำขนาดกลางที่มีปริมาณน้ำเก็บกักน้อยกว่า 30% จำนวน 53 แห่ง ดังนี้ ภาคเหนือ 5 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 26 แห่ง ภาคกลาง 4 แห่ง ภาคตะวันออก 9 แห่ง ภาคตะวันตก 8 แห่ง และภาคใต้ 1 แห่ง
โดยขอให้หน่วยงานดำเนินการ
1) วางแผนการบริหารจัดการน้ำตามลำดับความสำคัญการใช้น้ำที่คณะกรรมการลุ่มน้ำกำหนด
2) เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ ประหยัดน้ำ และลดการสูญเสียน้ำในทุกภาคส่วนตลอดฤดูแล้ง
3) สร้างการรับรู้ ประชาสัมพันธ์การแจ้งเตือน การให้ความช่วยเหลือ ผ่านช่องทางต่าง ๆ
3. ประกาศแจ้งเตือน : สทนช. ประกาศเฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูงและน้ำเค็มรุกล้ำ ในช่วงวันที่ 10 – 13 มี.ค. 68 ดังนี้
1. จากอิทธิพลของน้ำทะเลหนุนสูง ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้นและอาจไหลเข้าท่วมบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ รวมถึงชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำและแนวเขื่อนชั่วคราวบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร (แนวฟันหลอ) โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร นครปฐม และสมุทรสงคราม ซึ่งได้รับผลกระทบจากน้ำทะเลหนุนสูงเป็นประจำ
2. เฝ้าระวังน้ำเค็มรุกล้ำ ส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และการเกษตร ทั้งนี้ เกษตรกรผู้ปลูกกล้วยไม้ริมแม่น้ำ ควรรักษาระดับน้ำในบ่อพักให้สูงกว่าระดับน้ำในแม่น้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเค็มจากแม่น้ำดันไหลซึมเข้าบ่อ
4. แนวทางการบริหารจัดการน้ำ : สทนช. ติดตามแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปี 2568 คาดว่าประเทศไทยจะยังคงจะอยู่ในสภาวะลานีญาจนถึงเดือนเมษายน 2568 ส่งผลให้มีแนวโน้มจะมีฝนตกเร็วและมากกว่าปกติ จากนั้นมีแนวโน้มเปลี่ยนเข้าสู่สภาวะเป็นกลางในเดือนพฤษภาคม 2568 และอาจมีภาวะเป็นกลางต่อเนื่องในช่วงฤดูฝน ส่งผลให้ปริมาณฝนในช่วงเวลาดังกล่าวจะมีค่าใกล้เคียงกับค่าปกติ ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มขึ้น แต่ไม่ทำให้เกิดปัญหาอุทกภัยที่มีระยะเวลายาวนานเช่นปี 2564 และ 2565
อย่างไรก็ตาม จากอิทธิพลของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อาจทำให้ปรากฏการณ์ฝนตกมีรูปแบบผิดปกติ เช่น เกิดฝนตกหนักมากอย่างต่อเนื่องในบางพื้นที่ หรือตกเฉพาะพื้นที่ จนทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมขัง ดังนั้น จึงขอให้ติดตามข้อมูลข่าวสาร การคาดการณ์สภาพอากาศ และสถานการณ์น้ำจากหน่วยงานภาครัฐอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที
5. การให้ความช่วยเหลือ : สทนช. ติดตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือพื้นที่ประสบปัญหาด้านน้ำ ดังนี้
กรมชลประทาน ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำสำหรับการเกษตร ในพื้นที่ ต.แม่พริก และพระบาท อ.แม่พริก จ.ลำปาง รวมถึงติดตั้งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ เพื่อบรรเทาปัญหาขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภคบริโภค ในพื้นที่ ต.เมืองบัว อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 8 มี.ค. 68