สภาพัฒน์ฯ ดับฝันคลัง

“ดนุชา” ชี้ เศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่อง จากปี2566 ขยายตัวเพียง 2% ปีที่แล้ว ขยายตัว 2.5% และปีนี้ คาดว่า จะขยายตัวได้ถึง 2.8% แนะรัฐระวังสงครามการค้า
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหรือ สภาพัฒน์ เปิดเผยว่าภาวะเศรษฐกิจไทยปีนี้ คาดว่า ขยายตัวอยู่ที่ 2.3-3.3% โดยมีค่าระหว่างกลาง อยู่ที่ 2.8% เติบโตต่อเนื่องจากปี2567 ที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวอยู่ที่ 2.5% เป็นอัตราที่เร่งตัวขึ้นเมื่อเทียบกับปี2566 ที่ขยายตัวเพียง 2% หลังจากที่ประเทศไทยผ่านพ้น การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 โดยมีสาเหตุมาจากการบริโภคภารเอกชน และการลงทุนภาครัฐขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“อัตราการเติบโตของเศรษกิจไทยในปีนี้ ดีกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากแรงส่งของกิจกรรมทางเศรษฐกิจไตรามาส4 ปีที่แล้วขยายตัวได้ 3.2% เร่งขึ้นจากไตรมาส 3 ที่ขยายตัว 3% แต่ก็ยังต่ำกว่าที่คาดการณ์เดิมก่อนหน้านี้ที่คาดว่า ไตรมาส4 จะขยายตัวได้ประมาณ4% เนื่องจากยอดขายรถยนต์รวมหดตัว”
สำหรับปัจจัย สำหรับปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยปี 68 ได้แก่ 1.การเพิ่มขึ้นของรายจ่ายภาครัฐ โดยเฉพาะรายจ่ายลงทุน 2.การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการบริโภคภาคเอกชนและการปรับตัวดีขึ้นของการลงทุนภาค เอกชน 3.การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่อง และ 4.การขยายตัวอย่างต่อ เนื่องของการส่งออกสินค้า
ส่วนประเด็นการบริหารนโยบายเศรษฐกิจในปีนี้ แนะนำว่า ควรให้ความสำคัญกับ การเตรียมการรับมือผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าของประเทศคู่ค้าที่สำคัญ ประกอบด้วย
1.การให้ความสำคัญกับการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ และเตรียมมาตรการรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากมาตรการกีดกันทางการค้า
2.การปกป้องภาคการผลิตจากการทุ่มตลาดและการใช้นโยบายการค้าที่ไม่เป็นธรรม โดยมุ่งเน้นการปรับ ปรุงกระบวนการตรวจสอบคุณภาพสินค้านำเข้าให้มี ความเข้มงวดรัดกุมมากขึ้น การยกระดับมาตรการกำกับดูแลผู้ประกอบการออนไลน์จากต่างประเทศ และการติดตามเร่งรัดกระบวนการไต่สวนการใช้มาตรการภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด การอุดหนุน และมาตรการปกป้องจากการนำเข้า (AD/CVD/AC) รวมทั้งการดำเนินการอย่างเคร่งครัดกับผู้กระทำความผิดลักลอบนำเข้าสินค้าที่ผิดกฎหมาย หรือใช้ช่องว่างทางกฎหมายต่าง ๆ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจ
3.การเร่งรัดการส่งเสริมการส่งออกสินค้าที่ไทยมีศักยภาพและคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากมาตรการกีดกันทางการค้า ควบคู่ไปกับการเร่งรัดการเจรจาความตกลงการค้าเสรีที่กำลังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจา และเตรียมศึกษาเพื่อเจรจากับประเทศคู่ค้าสำคัญใหม่ ๆ
และ 4.การส่งเสริมให้ภาคธุรกิจบริหารจัดการความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ควบคู่ไปกับการอำนวยความสะดวกและลดต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก
ส่วนข้อเสนอให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงว่า ขณะนี้ ยังต้องจับตาเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เพราะเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ดี แต่รัฐบาลควรมีมาตรการเสริมในช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและลดความเสี่ยงของเศรษฐกิจในระยะต่อไป จากสงครามการค้าและนโยบายขึ้นภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงการคลังว่า ก่อนหน้านี้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดว่า เศรษฐกิจในปีนี้ จะขยายตัว 3% และหากบวกเพิ่มมาตรการอื่นๆ เข้าไป เช่น ดิจิทัล วอเล็ต Easy E-Receipt และการแข่งกีฬาซีเกมส์ เป็นต้น จะสามารถผลักดันให้เศรษฐกิจไทย ขยายตัวได้ถึง 3.5%
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สภาพัฒน์ เผยจีดีพีปี 66 ทรุด เหลือ 1.9%